การรักษาสิวไม่ได้ทำแค่ช่วงวัยรุ่น แต่วัยผู้ใหญ่ก็ต้องได้รับการรักษาเช่นกัน

การรักษาสิวไม่ได้ทำแค่ช่วงวัยรุ่น แต่วัยผู้ใหญ่ก็ต้องได้รับการรักษาเช่นกัน-feat

ปลดล็อครูขุมขนที่อุดตัน และมาทำให้ผิวของคุณดูเปล่งปลั่ง สวยใส และปราศจากสิว

จากการวิจัยของ University of Pennsylvania พบว่าสิวในวัยผู้ใหญ่มักจะเกิดขึ้นในผู้หญิงอายุ 20, 30 และ 40 ปี โดยสิวในวัยผู้ใหญ่อาจไม่ได้แสดงออกมาให้เห็นในช่วงหลายปี สาเหตุที่ทำให้เกิดสิว เช่น ความเครียด ฮอร์โมน และอาหาร ซึ่งเราจะนำแผนการกำจัดสิวอย่างง่าย ๆ มาบอกให้ได้รู้กัน

การกำจัดด้วยวิธีพื้นฐาน

เมื่อสิ่งสกปรก ไขมันส่วนเกิน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วเกิดอุดตันที่รูขุมขน Propionibacterium acne หรือที่รู้จักกันในชื่อ P. acne ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวถูกสร้างขึ้นมาในต่อมไขมัน สะสมมากขึ้นจะเกิดเป็นปัญหาให้กับผิว แม้ว่าการอุดตันของรูขุมขนของคนอายุ 13 หรือ 35 ปี จะเหมือนกัน แต่สิวในวัยผู้ใหญ่จะขึ้นในตำแหน่งที่แตกต่างกับช่วงวัยรุ่น โดยจะขึ้นที่จอนผม คาง และคอ มากกว่าบริเวณหน้าผาก แก้มและจมูก

จากการศึกษา ได้มีการติดตามสาเหตุของการเกิดสิว จากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ไม่ว่าจะจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต จากการตั้งครรภ์ ฮอร์โมนช่วงมีประจำเดือน หรือภาวะถุงรังไข่หลายใบ ผลที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนกัน คือ พบการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ทำให้เกิดการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ฮอร์โมนเพศชายที่ก่อให้เกิดการหลั่งไขมันส่วนเกินออกมาจากรูขุมขน และทำให้เกิดสิว

แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่เป็นปัญหา หากมีการควบคุมสมดุลของความเครียดในแต่ละวัน เช่น ทำให้ชีวิตมีความสมดุลระหว่างการทำงาน และการเข้าสังคม หรือหลังเลิกงานกลับไปทำอาหารเย็นกับครอบครัวที่บ้าน สิ่งเหล่านี้เป็นกลวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยกำจัดสิวที่จะเกิดขึ้นได้ นอกจากความเครียด การสูบบุหรี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สามารถทำให้เกิดสิว สาเหตุข้อนี้ได้มาจากการศึกษาของ Journal of the American Academy of Dermatology ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงความสัมผัสของการสูบบุหรี่ และการเกิดสิวในวัยผู้ใหญ่ของผู้หญิง โดยสิวที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ลึกลงไปกว่าชั้นหนังแท้

การกำจัดด้วยวิธีพื้นฐาน

ทำให้จุดด่างดำดูจางลง

รอยดำหายไป แต่ไม่ได้หายไปอย่างถาวร เพราะสิวมักจะทิ้งรอยตำหนิเอาไว้บนผิว

อย่างไรก็ตาม หลังจากการอักเสบของสิวผิวก็จะมีรอยต่าง ๆ เช่น รอยแดงที่จะอยู่บนผิวเป็นเดือนหรือเป็นปีหลังจากสิวหาย รวมไปถึงการบีบสิวที่ทำให้ปัญหาดังกล่าวรุนแรงขึ้น โดย Francesca J Fusco ผู้อำนวยการและผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกโรคผิวหนังของ Mount Sinai School of Medicine กล่าวว่า “การรักษารอยในระยะต้น ๆ เป็นวิธีที่ดีที่จะทำให้รอยนั้นหายไปได้” นอกจากนี้ Zeichner ยังแนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่สกัดซาลิก อัลบ่า (Salicylic Acid) จากเปลือกของต้น Willow และมาร์กหน้าเพื่อผลักเซลล์ผิวด้วยมาร์กที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ 2 ครั้งต่อวัน ถ้าหลังจาก 6 เดือนไปแล้ว จุดด่างดำยังไม่จางลง ก็อาจจะต้องใช้วิธีการทางเคมี โดยอาจจะต้องใช้ 2 – 3 ครั้ง จุดด่างดำถึงจะหายไป

ทำให้จุดด่างดำดูจางลง

วิธีการกำจัดสิว

1.ลดระดับความเครียด

Shamban แนะนำว่า ให้นอนหลับ 8 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อลดคอร์ติซอลส่วนเกิน และเพื่อฟื้นฟูสภาพของผิว รวมไปถึงการหาเวลาทำกิจกรรม เช่น การออกกำลังกาย 30 นาทีต่อวัน เพื่อเป็นการคลายเครียด และเพิ่มการหลั่งสารเอนโดรฟิน (Endorphins) นอกจากนี้การออกกำลังกายยังเป็นการช่วยส่งออกซิเจนไปยังเซลล์ผิว ทำให้เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิวเจริญเติบโตได้ยาก

ลดระดับความเครียด

2.การรักษาขั้นต้น

แม้ว่าส่วนผสมของการทำความสะอาดหน้าสำหรับวัยรุ่น และวัยผู้ใหญ่ยังคงเหมือนกัน แต่ผิวที่มีอายุมากขึ้นจะมีความบางของผิว และมีแนวโน้มที่จะเกิดการแพ้ได้ง่ายกว่า จึงจำเป็นต้องในผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน และให้ความชุ่มชื่นมากกว่า โดย Fusco ได้กล่าวว่า การใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ครีมบำรุงสำหรับผู้เป็นสิว และครีมป้องกันริ้วรอยไปพร้อมกันอาจทำให้ผิวแห้งได้

เริ่มอย่างช้า ๆ : ล้างหน้า 2 ครั้งต่อวัน ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของสารสกัด Salicylic acid ที่จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก ความมัน และผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ถ้าสิวยังไม่หาย ให้ลองทาครีมที่มีส่วนผสมจากสารสกัด Salicylic acid บาง ๆ ไว้ข้ามคืน และหากมีริ้วรอยที่มาก ให้ลองใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Retinoid ช่วยให้ผิวเรียบเนียน ช่วยปรับสภาพของสีผิว และไม่เกิดการอุดตันรูขุมขน

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดในตอนเช้า เพราะการกำจัดสิวอาจทำให้ผิวอ่อนไหวต่อแสงแดด

การรักษาขั้นต้น

3.บริโภคอย่างชาญฉลาด

High-glycemic-index (GI) หรือค่าดัชนีน้ำตาลที่ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว วัดได้จากขนมปังขาว หรืออาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาล : อาหารเหล่านี้จะทำให้น้ำตาลและอินซูลินในเลือดเพิ่มระดับขึ้น รวมไปถึงการหลั่งฮอร์โมนเพศชายที่นำไปสู่การเกิดสิว ดังนั้นการรักษาสมดุลของฮอร์โมนด้วยการบริโภคอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low-GI) เช่น ธัญพืช และผัก จะช่วยลดความรุนแรงของการเกิดสิว จากการศึกษาของ University of Miami Miller School of Medicine พบว่าวันใดที่ผู้ชายมีการบริโภคโกโก้ดิบ 6 ออนซ์ ในสัปดาห์นั้นก็จะมีสิวขึ้น ดังนั้นช็อกโกแลตก็น่าจะส่งผลอย่างเดียวกันกับผู้หญิง

บริโภคอย่างชาญฉลาด

4.การบริโภคยา

ถ้าคุณมีสิวในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนมีประจำเดือน แพทย์อาจให้บริโภคยาคุมกำเนิดเพื่อช่วยรักษาระดับฮอร์โมนให้มีความคงที่ Shamban อธิบายว่า “ยาคุมกำเนิดบางชนิดมีส่วนช่วยให้ผิวกระจ่างใส” โดยวิธีการบริโภคยาคุมกำเนิดมักจะใช้กับผู้หญิงที่มีฮอร์โมนเพศชายสูงกว่าปกติ

การบริโภคยา

5.พบแพทย์ผิวหนัง

ถ้าสิวฝังตัวอยู่ลึก มีอาการเจ็บ และบวมแดงที่ไม่หายสักที ให้ลองหาเวลาเพื่อเข้าพบแพทย์ผิวหนัง Zeichner กล่าวว่า สิวซีสต์ต้องใช้การรักษาเป็นเวลานาน และสามารถทิ้งรอยแผลเป็นไว้อย่างถาวร โดยแพทย์ผิวหนังจะจ่ายยาที่มีส่วนผสมของเรตินอยด์ (Retinoid) ยาฆ่าเชื้อ (Antibiotic) หรือ Aczone ที่เป็นยาป้องกันสิว และป้องกันการอักเสบ ซึ่งเหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย หรือผิวของผู้สูงอายุ

พบแพทย์ผิวหนัง

การปกปิดสิว

คอนซิลเลอร์ (Concealer) ถูกใช้เพื่อปกปิดปัญหารอยตำหนิบนผิว หรือใช้เพื่อลดรอยสิว แต่มันเป็นวิธีที่ผิด เพราะอาจทำให้สิวมีขนาดที่ใหญ่ หรือขยายพื้นที่มากขึ้นได้ Joanna Schlip ช่างแต่งหน้าใน Los Angeles ได้อธิบายถึงวิธีการปกปิดสิวได้ดังนี้

1.มองหาคอนซิลเลอร์แบบ Matte หรือแบบควบคุมความมัน

คอนซิลเลอร์ชนิดดังกล่าวจะติดทนกว่าชนิดครีม รวมถึงมีส่วนผสมของกำมะถันที่ช่วยให้ผิว กระจ่างใส

2.จำไว้ว่า สีสว่างจะทำให้ดูเน้น โดดเด่นขึ้นมา ส่วนสีเข้มจะช่วยให้ดูเล็กลง

อย่าใช้คอนซิลเลอร์สีสว่าง หรือใช้แป้งที่มีประกาย (Shimmer) แต่ให้ใช้คอนซิลเลอร์สีเดียวกับผิว จากนั้นใช้แปรงแต้ม Eye Shadow เนื้อ matte สีเข้ม เพื่อไล่สีบนผิว

3.ไล่เป็นชั้น

ให้คิดว่าสิวเป็นเหมือนเนินเขาเล็ก ๆ บนใบหน้า ดังนั้นต้องลงคอนซิลเลอร์บาง ๆ บนจุดที่จะปกปิด แล้วลงพื้นที่รอบ ๆ ให้ดูมีความแวววาวมากกว่า เพื่อลดรอยสิวให้ดูเล็กลง โดยให้ใช้แปรงแต้มคอนซิลเลอร์ลงบนผิว แล้วเกลี่ยให้เนียน

การปกปิดสิว

Facebook Comments

ทิ้งข้อความไว้