ทำความเข้าใจอาการปวดท้องในรูปแบบต่างๆ

อาการปวดท้องมักจะเป็นการปวดตะคริวหรือปวดเสียด มีสาเหตุมากจากการที่ปวดท้องอยู่แล้วเล็กน้อย หรือความผิดพลาดจากการเคลื่อนไหวที่เร็ว โดยอาการปวดท้องจะมีความน่ากังวลเมื่อเริ่มมีการปวดท้องแบบกะทันหันหรือเฉียบพลัน ซึ่งเป็นอาการที่ควรเข้าพบแพทย์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะถ้ามีอาการปวดที่จุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ

ตะคริวจากลมในช่องท้อง

การปวดท้องตะคริวมักเกิดจากการที่มีลมอยู่ในช่องท้องและจากท้องอืด ซึ่งเป็นอาการที่สามารถพบได้บ่อย และรักษาได้ง่ายจากการซื้อยามาบริโภคเองตามคำแนะนำของเภสัชกร

อาการปวดท้องตะคริวแบบกะทันหัน และอาการท้องร่วง

อาการปวดท้องตะคริวอย่างกะทันหันร่วมกับอาการท้องร่วง อาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติในกระเพาะอาหารและลำไส้ หมายความว่าคุณมีการติดเชื้อไวรัสหรือแบคที่เรียในกระเพาะและลำไส้ ซึ่งมักจะเป็นอาการที่หายได้เองในไม่กี่วันโดยที่ไม่ต้องบริโภคยา หรือถ้ามีอาการที่ทำให้รู้สึกป่วยอย่างมาก อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อที่รุนแรง เช่น อาหารเป็นพิษ โดยอาการเหล่านี้ก็สามารถที่จะหายได้เองโดยที่ไม่ต้องทำการรักษาเช่นกัน แต่หากยังมีอาการปวดท้องตะคริวและท้องร่วงอยู่อย่างต่อเนื่อง แสดงว่าคุณอาจจะมีภาวะแบบเรื้อรัง เช่น โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome)

อาการปวดท้องกะทันหันอย่างรุนแรง

ถ้ามีอาการปวดกะทันหันอย่างรุนแรงที่บริเวณใดบริเวณหนึ่งของท้อง คุณควรเข้าพบแพทย์ในทันที เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาการป่วยที่จะมีอาการที่แย่ลงหากไม่มีการรักษา ซึ่งสาเหตุของอาการปวดท้องกะทันหันอย่างรุนแรง ได้แก

• แผลกระเพาะอาหารทะลุ (Perforated peptic ulcer) โดยแผลจะมีการเพิ่มขึ้นที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum)
• นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones) คือการที่มีก้อนคล้ายหินเล็กๆก่อตัวขึ้นมาในถุงน้ำดี ซึ่งอาจจะต้องทำการตัดถุงน้ำดีออก
• ไส้ติ่งอักเสบ (Appendicitis) จะมีอาการปวดที่บริเวณตรงกลางหรือฝั่งขวาของช่วงท้องส่วนล่าง โดยการรักษาอาจจะต้องทำการผ่าตัดนำไส้ติ่งออก
• โรคทางเดินอาหารอักเสบ (Gastroenteritis) เกิดจากการติดติดเชื้อที่กระเพาะอาหารและลำไส้ หลายคนมีอาการที่ดีขึ้นได้ภายในไม่กี่วันโดยไม่ต้องได้รับการรักษา
• นิ่วในไต (Kidney stones) โดยก้อนนิ่วชิ้นเล็กๆอาจจะหลุดผ่านออกมากับปัสสาวะ แต่หากมีนิ่วก้อนใหญ่อาจทำให้เกิดการอุดตันที่ท่อไต ซึ่งจำเป็นที่ทำการสลายออกที่โรงพยาบาล
• โรคผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis) เกิดจากการอักเสบที่ถุงเล็กๆในลำไส้ใหญ่

อาการปวดท้องเรื้อรัง

การมีอาการปวดท้องเรื่อรัง เป็นอาการที่ควรเข้าพบแพทย์หากมีอาการในวัยผู้ใหญ่ โดยสาเหตุของการเกิดอาการปวดในวัยผู้ใหญ่ ได้แก่

• โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome) เกิดจากการเป็นตะคริวที่กล้ามเนื้อของผนังลำไส้ใหญ่ โดยอาการปวดมักจะบรรเทาลงเมื่อได้เข้าห้องน้ำ
• โรคทางเดินปัสสาวะอักเสบ (Urinary tract infection) อาจสังเกตได้จากการปัสสาวะที่บ่อย และรู้สึกแสบร้อนเมื่อปัสสาวะ
• โรคกระเพาะอาหารเรื้องรัง (Long term peptic ulcer) จะมีแผลเกิดขึ้นที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenum)
• ท้องผูก (Constipation)
• โรคกรดไหลย้อน (Heart burn and acid reflux) เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารรั่ว ไหลย้อนจากกระเพาะอาหารขึ้นไปยังหลอดอาหาร (Esophagus)

การป้องกัน

• บริโภคอาหารที่ถูกหลักสุขภาพและบริโภคให้เป็นเวลา โดยการบริโภคอาหารที่ไม่เป็นเวลาสามารถทำให้เกิดความผิดปกติที่ระบบทางเดินอาหาร (Digestive system)
• เลิกสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่สามารถทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้
• ลดน้ำหนักส่วนเกิน และออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะน้ำหนักที่เกินอาจทำให้เกิดกรดไหลย้อน
• เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่เป็นสาเหตุของการเพิ่มกรดในกระเพาะอาหาร
• ลดความเครียด เพราะความเครียดและความกังวลสามารถทำให้ระบบทางเดินอาหารทำงานแย่ลง และอาจส่งผลให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ลำไส้แปรปรวน (Irritable bowel syndrome)