วิธีที่ดีที่สุดของการรักษาสิวแต่ละชนิด ที่สามารถเกิดขึ้นได้บนใบหน้า

วิธีที่ดีที่สุดของการรักษาสิวแต่ละชนิด-ที่สามารถเกิดขึ้นได้บนใบหน้า-feat

ถ้าการรักษาสิวอย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid และ Benzoyl Peroxide ใช้งานได้ผลที่ดีกับทุกคนจริง ๆ ก็คงจะไม่มีใครที่เป็นสิวอีกแล้ว แต่เพราะสิวแต่ละชนิดนั้นไม่เหมือนกัน บางชนิดสามารถรักษาให้หายได้ด้วยส่วนผสมอย่างหนึ่ง และบางชนิดอาจจะต้องใช้ส่วนผสมอีกอย่างหนึ่ง เช่น การฉีดคอร์ติโซน (Cortisol) ใช้เรตินอล (Retinol) หรือยาฆ่าเชื้อ (Antibiotics) ซึ่งหากมีการใช้ที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้สิวแย่ลงกว่าเดิม ดังนั้นวันนี้เราจึงมีเคล็ดลับในการจัดการกับสิวเหล่านี้มาให้ได้รู้

รักษาสิว

สิวหัวดำ (Blackheads)

สิวหัวดำ หรือ สิวหัวเปิด หมายถึงสิวที่อุดตันอยู่ในรูขุมขนที่เปิดออก เหมือนกับรูขุมขนของเส้นผม หรือขนทั่วไป แต่มาอยู่บนใบหน้า และทุก ๆ รูขุมขนจะมีต่อมไขมันอยู่ โดยสิวหัวดำนั้นเกิดจากการผสมกันระหว่างเซลล์ที่ตายแล้ว เชื้อแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกที่ก่อตัวขึ้นในรูปขุมขนที่เปิดอยู่ ทำให้สิวหัวดำเป็นสิวที่สามารถกำจัดออกได้ง่าย

วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสิว

สำหรับการรักษาสิวหัวดำนั้นมีอยู่ไม่กี่วิธี วิธีแรกก็คือการเข้าพบนักสรีรวิทยา หรือแพทย์ผิวหนัง เพื่อที่จะทำความสะอาดผิวให้ปราศจากเชื้อ หรือวิธีที่สอง คือการผลัดผิว อย่างการขัด การสครับใบหน้า หรือการใช้เรตินอล (Retinol) ที่จะช่วยให้เซลล์ผิวคืนสภาพกลับมา หรือจะเป็นการทำความสะอาดด้วยแปรงทำความสะอาดใบหน้าก็ได้ โดยให้เลือกเพียง 1 วิธีในการรักษา เพราะการทำทุกวิธีผสมกัน อาจทำให้ผิวเกิดอาการแพ้ง่ายได้

สิวหัวดำ-(Blackheads)

สิวหัวขาว (Whiteheads)

สิวหัวขาว หรือสิวหัวปิด มีลักษณะเหมือนสิวหัวดำแต่มีผิวหนังปกคลุมด้านบน ทำให้มองไม่เห็นสีดำของสิว แต่จะเห็นเป็นจุดสีขาวที่หัวสิวแทน

วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสิว

วิธีนี้เป็นวิธีทั่วไปที่ใช้ในการรักษาสิว โดยการใช้ยาเฉพาะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสิวประเภทนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide, Salicylic Acid หรือกำมะถัน (Sulfur Based) จะสามารถช่วยให้สิวแห้ง แต่การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วยประกอบของ Benzoyl Peroxide อาจทำให้เกิดการระคายเคือง ผิวแห้ง และคัน ส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ Retinol ก็สามารถนำมาใช้ในการรักษาได้เช่นกัน

สิวหัวขาว-(Whiteheads)

สิวผด (Small Red Zits)

สิวผดจะมีลักษณะเป็นตุ่มสีแดง เกิดจากการอักเสบ โดยจะไม่มีหัวสีขาว แต่สามารถทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้เช่นกัน และเนื่องจากเป็นสิวที่มีการอักเสบ จึงอาจทำให้สิวชนิดนี้ตอบสนองต่อการสัมผัสได้ง่าย ดังนั้นการสัมผัสสิวเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง

วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสิว

สิวชนิดนี้มีสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับแบคทีเรียมากกว่าฮอร์โมน หรือการผลัดเซลล์ผิวของร่างกาย การรักษาสิวชนิดนี้จึงต่างจากสิวชนิดอื่น Dr.Hale กล่าวว่า การอักเสบของสิวชนิดนี้จะตอบสนองได้ดีกับยาปฏิชีวนะ ทั้งแบบเฉพาะ หรือแบบที่ใช้กับร่างกายทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะต้องเข้าพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษา หรือจะลองใช้ครีมที่มีส่วนผสมของ Hydrocortisone ที่จะช่วยลดอาการบวมและแดงของสิวได้ชั่วคราว แต่ไม่ได้ทำให้สิวหายไปอย่าถาวร หรือสุดท้ายแล้วสิวก็เกิดขึ้นมาใหม่

สิวผด-(Small-Red-Zits)

สิวฮอร์โมน

เหมือนกันการตั้งเวลาไว้บนใบหน้า ที่ทุกเดือนจะต้องรู้สึกเหมือนสิวจะขึ้น ลองสังเกตบริเวณคางหรือช่วงขากรรไกร ถ้ามีสิวขึ้นบริเวณนี้ให้รู้ไว้ว่าเป็นสิวที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของร่างกาย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบริเวณคางและขากรรไกรมากกว่าช่วง T-zone

วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาสิว

อย่างแรกที่ต้องทำถ้าคุณเป็นสิวฮอร์โมนทุกเดือน คือการลองไปพบแพทย์เพื่อตรวจเกี่ยวกับภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovarian Syndrome) เพราะความไม่สมดุลของฮอร์โมนสามารถนำไปสู่ภาวะมีบุตรยาก ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า การบริโภคยาคุมกำเนิดสามารถช่วยรักษาระดับฮอร์โมน ซึ่งสามารถช่วยป้องกันการเกิดสิวชนิดนี้ได้

ส่วนใครที่อยากจะทำการรักษาสิวด้วยตัวเอง ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงบดยาแอสไพริน (Aspirin) แบบเม็ดผสมกับน้ำอุ่นเล็กน้อยจนมีลักษณะคล้ายแป้งเปียก แล้วทาลงบริเวณที่เป็นสิว หรือจะใช้วิธีทั่วไปอย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Salicylic Acid ก็ได้

สิวฮอร์โมน

สิวใต้ผิวหนัง (Blind Pimples)

สิวชนิดนี้จะมีลักษณะคล้ายซีสต์ ซึ่งเป็นสิวที่ร้ายแรงที่สุด เกิดจากไขมันที่ร่างกายผลิต รวมไปถึงสิ่งสกปรกและแบคทีเรีย สิวชนิดนี้จะไม่มีหัว แต่ฝั่งตัวและเจริญเติบโตอยู่ใต้ผิวหนัง โดยการรักษาสิวใต้ผิวหนังจะใช้เวลาค่อนข้างนาน และไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษาเฉพาะจุด รวมไปถึงการที่เป็นสิวใต้ผิวหนังในระยะยาวก็อาจนำไปสู้การเกิดรอยแผลเป็นได้

วิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาสิว

ไม่มีวิธีรักษา เพราะสิวใต้ผิวหนังเป็นสิวที่อยู่ลึก และไม่มีทางออกของสิว โดยถ้าคุณพยายามที่จะบีบออก ไขมันอาจจะแพร่เข้าไปในชั้นหนังแท้แทน และทำให้เป็นแผลมากขึ้น ทางเดียวที่จะรักษาสิวชนิดนี้ได้ คือการไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อฉีดคอร์ติโซน (Cortisone) ซึ่งจะต้องได้รับการดูแลตลอด 24 ชม.

คุณอาจจะสงสัยว่าทำไมแพทย์ผิวหนังถึงไม่ฉีดคอร์ติโซนเพื่อรักษาสิวทุกชนิด คำตอบก็คือคอร์ติโซนสามารถทำให้เกิดแผลเป็น หรือความเสียหายภายในผิวได้ โดยเฉพาะกับสิวเม็ดเล็ก ๆ วิธีการฉีดคอร์ติโซนจึงเหมาะกับการรักษาสิวที่ร้ายแรงอย่างสิวใต้ผิวหนังที่สุด

สิวใต้ผิวหนัง-(Blind-Pimples)

Facebook Comments

ทิ้งข้อความไว้