วิธีการรักษาสิวให้หายอย่างรวดเร็วด้วยวิธีการทางธรรมชาติ

วิธีการรักษาสิวให้หายอย่างรวดเร็วด้วยวิธีการทางธรรมชาติ-feat

ถ้าคุณกำลังรู้สึกแย่กับการเป็นสิว ให้คุณรู้ไว้ว่า ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เป็น สิวเป็นภาวะหนึ่งของผิวที่เกิดจากการอุดตันของน้ำมัน และเซลล์ผิวที่ตายแล้วในรูขุมขน ส่วนใหญ่แล้วสิวสามารถเกิดขึ้นได้บนใบหน้า หน้าอก หลัง หัวไหล่ และคอ สาเหตุของสิวนั้นมีหลายอย่าง เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมน และการผลิตไขมันของต่อมไขมันบนผิว แต่คุณก็สามารถรักษาสิวให้หายได้อย่างเป็นธรรมชาติรวดเร็วด้วยวิธีต่าง ๆ หลากหลายวิธี เพียงเรียนรู้วิธีการดูแลผิวที่ดี ปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร และลองหันมาใช้ยาสมุนไพรบ้าง

การดูแลผิวที่ดี

1.สังเกตลักษณะของสิว

การรักษาจะขึ้นอยู่กับสภาพของสิวที่เกิดขึ้น โดยส่วนมากแล้วความรุนแรงของสิวจะอยู่ในระดับปานกลาง แต่ในบางกรณีที่รุนแรงอาจเป็นก้อนลึกลงไป ซึ่งจะทำให้เกิดการบวมและรอยแผลเป็นได้ ชนิดของสิวโดยทั่วไป ได้แก่

  • สิวหัวขาว หรือสิวหัวปิด (Whiteheads or Closed Comedones) เกิดขึ้นจากสิ่งสกปรก หรือความมันอุดตันใต้ผิวหนังเป็นก้อนสีขาว
  • สิวหัวดำ หรือสิวหัวเปิด (Blackheads or Open Comedones) เกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนเปิดออก ทำให้สิ่งสกปรกและไขมันบนผิวหนังเพิ่มขึ้น ซึ่งสีดำที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการทำปฏิกิริยาของออกซิเดชั่นในอากาศกับเม็ดสีเมลานินในไขมัน
  • ผด
  • สิวหัวหนอง (Pustules) เกิดจากการสะสมของสิ่งสกปรกและไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง และมักมีหนอง โดยหนองจะเป็นของเหลวสีเหลืองที่เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวและแบคทีเรียที่ตายแล้ว ซึ่งมักทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อของเนื้อเยื่อในร่างกาย
  • สิวอักเสบตุ่มแดง (Nodules) มีลักษณะแข็ง ใหญ่ และอักเสบ เกิดขึ้นลึกลงไปในผิวหนัง
  • สิวซีสต์ (Cysts) เป็นสิวที่เต็มไปด้วยหนอง อักเสบลึกลงไปในผิวหนัก และมักทำให้เกิดแผลเป็น

สังเกตลักษณะของสิว

2.เลิกสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสิว ซึ่งร่างกายไม่ตอบสนองต่อการอักเสบของสิว ทำให้ไม่มีการรักษาอย่างรวดเร็ว ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสที่จะเป็นสิวที่มีความรุนแรงระดับปานกลางมากกว่าช่วงวัยรุ่นถึง 4 เท่า โดยเฉพาะกับผู้หญิงอายุ 25 – 50 ปี นอกจากนี้ควันบุหรี่ยังอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวได้อีกด้วย

เป็นที่รู้กันว่าการสูบบุหรี่จะทำให้ผิวเกิดริ้วรอยและดูแก่ไว เพราะสารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปลดการผลิตคอลลาเจน และลดโปรตีนในผิวหนังลง

3.หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า

สิ่งสกปรกและแบคทีเรียที่มือสามารถทำให้เกิดการอุตันของรูขุมชนเพิ่มขึ้นได้ เป็นสาเหตุให้การเกิดสิวแย่ลงได้ โดยหากคุณรู้สึกระคายเคืองผิว ให้ใช้กระดาษเช็ดหน้าที่ไม่มีน้ำมัน (Oil-free daily facial wipe) เช็ดเบา ๆ เพื่อล้างสิ่งสกปรกออกจากผิว และที่สำคัญคือ ห้ามบีบสิว เพราะจะทำให้แบคทีเรียเกิดการแพร่กระจายได้

หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า

4.เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ไม่มีส่วนผสมของสบู่ (Non-soap Cleanser) และปราศจากโซเดียมซัลเฟต (Sodium laureth sulfate) ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิว โดย non-soap cleanser ส่วนมากจะหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป ปราศจากสารเคมีที่รุนแรง และใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เพราะการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีสารเคมีรุนแรง อาจทำให้ผิวระคายเคือง และเกิดความรุนแรงของสิวเพิ่มขึ้นได้

5.การล้างหน้า

ให้คุณล้างหน้าเพียงครั้งเดียวในตอนเช้า และอีกครั้งในตอนกลางคืน อย่าลืมว่าให้ใช้น้ำอุ่นในการล้างหน้า และให้ล้างหน้าเพียง 2 ครั้งต่อวัน หลังจากที่มีเหงื่อออก โดยเหงื่ออาจทำให้เกิดการระคายเคือง จึงควรล้างหน้าให้ไวที่สุดเมื่อมีเหงื่อออก

6.ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

หากมีผิวแห้งหรือรู้สึกคันผิว ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นที่ปราศจากน้ำมัน (Oil-free Moisturizer) ส่วนยาสมาน (Astringent) ให้ใช้กับผู้ที่มีผิวมัน ซึ่งมักจะใช้บริเวณที่มีจุดด่างดำ และถ้าคุณต้องการที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อผลัดเซลล์ผิว ให้คุณปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาวิธีการรักษาที่ดีที่สุดกับลักษณะของผิว

คนที่ไม่ได้เป็นสิวอักเสบ สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวตามร้านขายยาทั่วไปได้ แต่หามีผิวแห้ง ควรจะผลัดเซลล์ผิวเพียง 1 หรือ 2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น ขณะที่คนที่มีผิวมันสามารถที่จะผลัดเซลล์ผิวได้วันละ 1 ครั้ง

ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

ปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร

1.บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ

หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ที่มีฮอร์โมนหรือสารที่คล้ายกัน เพราะจะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายไม่สมดุล และเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ให้บริโภคอาหารประเภทผัก และผลไม้ อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน A, C, E และสังกะสี (Zinc) ที่จะช่วยต้านการอักเสบของสิว อาหารที่พบสารอาหารต่าง ๆ เหล่านี้ เช่น

  • พริกแดงหวาน
  • คะน้า
  • ผักโขม
  • ใบโหระพา
  • หัวผักกาดเขียว
  • มันเทศ
  • ฟักทอง
  • ฟักบัตเตอร์นัท (Butternut Squash)
  • มะม่วง
  • เกรปฟรุต
  • แคนตาลูป

บริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ

2.บริโภคแร่ธาตุสังกะสี

จากการศึกษาพบว่า การบริโภคแร่ธาตุสังกะสีสามารถช่วยรักษาสิวได้ เพราะสังกะสีเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีคุณสมติในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากแบคทีเรียและไวรัส เป็นปกติที่ร่างกายจะมีแรธาตุสังกะสีน้อย แต่การบริโภคอาหารและวิตามินจะช่วยให้แร่ธาตุสังกะสีที่ร่างกายต้องการ แหล่งอาหาร ได้แก่

  • หอยนางรม กุ้ง ปู และหอยเชลล์
  • สัตว์เนื้อแดง
  • สัตว์ปีก
  • ชีส
  • ถั่ว
  • เมล็ดทานตะวัน
  • ฟักทอง
  • เต้าหู้
  • เห็ด
  • ผักปรุงสุก

3.บริโภควิตามิน A

วิตามิน A เป็นสารต้านการอักเสบ ช่วยรักษาสมดุลของฮอร์โมน และช่วยลดการผลิตไขมันของผิว โดยคุณสามารถเพิ่มวิตามิน A ให้ร่างกายได้ด้วยการบริโภคอาหารสุขภาพ และหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันไม่ดี เช่น มาการีน และอาหารแปรรูป วิตามิน A พบได้มากในแครอท ผักใบเขียว ผลไม้สีเหลืองหรือสีส้ม

บริโภควิตามิน-C

4.บริโภควิตามิน C

วิตามิน C มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน และโปรตีนที่ใช้ในการซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิว กระดูกอ่อน หลอดเลือด และช่วยในการรักษาบาดแผล แหล่งอาหารธรรมชาติที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เช่น

  • พริกแดงหวาน และพริกเขียวหวาน
  • ผลไม้ตระกูลส้ม เช่น ส้ม ส้มโอ เกรปฟรุต มะนาว
  • ผักโขม บล็อกโคลี่ และกะหล่ำดาว
  • สตรอเบอร์รี่ และราสเบอร์รี่
  • มะเขือเทศ

5.ดื่มชาเขียว

การดื่มชาเขียวไม่ใช่วิธีป้องกันการเกิดสิวโดยตรง แต่ชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยป้องกันริ้วรอยและช่วยปกป้องผิว ทำให้ผิวดูเนียนนุ่มและอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ชาเขียวยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง และผลวิจัยบางชิ้นยังชี้ให้เห็นว่าชาเขียวสามารถป้องกันผิวจากรังสียูวีที่เป็นอันตรายได้อีกด้วย

ดื่มชาเขียว

ใช้ยาสมุนไพร

1.ที ทรี ออยล์ (Tea tree oil)

Tea tree oil มักเมื่อเกิดสิว บาดแผล และการอักเสบ เพื่อการรักษาสิวให้ใช้ tea tree oil ที่มีความเจือจาง 5 – 15 เปอร์เซ็นต์ หยด 2 – 3 หยดลงบนลำสี แล้วทาลงบนสิว

Tea tree oil ห้ามรับประทาน หรือใช้ในช่องปากเป็นอันขาด และควรหลีกเลี่ยงการเปิดทิ้งไว้ให้สัมผัสกับอากาศเป็นเวลานาน เพราะออกซิไดซ์อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

2.โจ โจบา ออยล์ (Jojoba oil)

หยด Jojoba oil ลงบนสำลีและตบเบา ๆ ลงบนสิว ซึ่ง Jojoba oil เป็นสารสกัดที่คล้ายกับน้ำมันตามธรรมชาติบนผิว แต่จะไม่ทำให้เกิดการอุดตัน หรือความมันส่วนเกิน

Jojoba oil จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง แต่หากคุณมีผิวที่บอบบาง คุณก็ควรที่จะปรึกษากับแพทย์ผิวหนังก่อนที่จะใช้

3.น้ำมันหอมระเหยจูนิเปอร์ (Juniper oil)

Jumiper oil เป็นยาฆ่าเชื้อโรคตามธรรมชาติ คุณสามารถใช้ทำความสะอาดใบหน้า หรือใช้เป็นโทนเนอร์ (Toner) เพื่อขจัดสิ่งอุดตัดรูขุมขน การรักษาผิว โรคผิวหนัง และรักษากลาก แต่อย่าใช้ในปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองได้

Tea-Tree-Oil

4.เจลว่านหางจระเข้

เจลว่านหางจระเข้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป โดยว่านหางจระเข้เป็นพืชที่ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย สามารถรักษาสิว และช่วยลดการอักเสบได้ แต่บางคนอาจแพ้ว่านหางจระเข้ ซึ่งหากเกิดผื่นให้หยุดใช้ และเข้าพบแพทย์ในทันที

5.เกลือทะเล

ลองใช้โลชั่นจากเกลือทะเลที่มีโซเดียมคลอไรด์น้อยกว่า 1% 6 ครั้งต่อวัน โดยแต่ละครั้งให้ทาทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที โดยจากการศึกษา เกลือทะเลอาจช่วยต้านการอักเสบ ต้านริ้วรอย และช่วยป้องกันอันตรายจากรังสี UV ได้

สำหรับผู้ที่มีผิวแห้ง หรือผิวแพ้ง่าย ให้ปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะเกลือทะเลอาจทำให้ผิวแห้ง และเกิดการระคายเคืองได้

เกลือทะเล

เข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

1.ฉายแสงบำบัด

การทำเลเซอร์ และการบำบัดด้วยแสง (Phototherapy) เป็นวิธีการรักษาสิวที่ได้รับความนิยม การฉายแสงเป็นวิธีที่ใช้ในการรักษาสิวอักเสบ แผลเป็นจากสิวอักเสบ และสิวซีสต์

2.ฮอร์โมนบำบัด

การมีฮอร์โมนเพศชาย (Androgen) สูงในเพศหญิง อาจนำไปสู่การผลิตไขมันที่มากเกิน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันที่สนับสนุนแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว  รวมถึงอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนช่วงวัยรุ่น การตั้งครรภ์ การขาดประจำเดือน หรือการบริโภคยาบางชนิด วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทราบได้ว่าสิวนั้นเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนหรือไม่ คือการเข้าพบแพทย์ผิดหนังเพื่อพูดคุยและตรวจสอบ

3.เข้าพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ

แพทย์ผิวหนังสามารถวินิจฉัยสภาพผิวและกำหนดเป้าหมายในการรักษาสิวให้คุณได้ โดยทางเลือกสำหรับการผ่าตัดอาจใช้ได้กับสิวหัวปิด สิวหัวเปิด หรือสิวซีสต์ โดยจะทำการฉีดสเตียรอยด์ (Steroids) เข้าสู่สิวเพื่อทำการแช่แข็ง

การลบรอบหลุดสิวด้วยศัลยกรรม (Dermabrasion) เป็นวิธีการผ่าตัดเพื่อลอกเอาผิวของแผลเป็นออก และลดความลึกของแผลเป็นด้วยการขจัดชั้นเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ซึ่งขั้นตอนจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแผลเป็นจากสิวที่เกิดขึ้น

ฉายแสงบำบัด

Facebook Comments

ทิ้งข้อความไว้