เปิดเผยความจริงอีกด้านหนึ่งของอุตสาหกรรมครีมบำรุงผิวขาว
เครื่องสำอางบำรุงผิวขาวเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมเป็นหลายพันล้าน ด้วยการผลักดันความคิดที่ว่าการมีผิวขาวจะทำให้ดูสวยขึ้น โดยอุตสาหกรรมเครื่องสำอางได้อาศัยวิธีการเดิมจากการทำให้คนเชื่อว่าคนเราจะไม่สมบูรณ์แบบถ้าขาดการใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลแบบเฉพาะ แต่การใช้เครื่องสำอางที่แตกต่างกัน การทำผิวสีแทน หรือใช้ครีมบำรุงผิวขาว นอกจากผู้บริโภคอาจจะเกิดอาการแพ้จากน้ำมันแล้ว ยังทำให้เกิดการแบ่งลำดับเชื้อชาติ และเป็นสาเหตุของปัญหาทางสังคม ซึ่ง Kavitha Emmanuel ผู้กำกับรายการ the Dark is Beautiful campaign ในประเทศอินเดียยังกล่าวอีกว่า “การแบ่งแยกทางสีผิวสามารถส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาของผู้คน สามารถส่งผลกระทบต่อการมีบทบาทในโรงเรียนของเด็ก ทำให้มีความมั่นใจน้อยลง เพราะคิดว่าตนเองไม่ดีพอ และเมื่อพูดถึงการสมรส เราก็พบว่าเรื่องของสีผิวค่อนข้างที่จะมีบทบาทสำคัญ”
ในบางประเทศ เช่น ประเทศอินเดีย มีการถูกครอบงำความคิดว่าผู้ที่มีชนชั้นสูงทางสังคมจะมีผิวสีขาว โดยความเชื่อนี้ได้รับอิทธิพลมาจากชาติอาณานิคม ฐานะทางสังคม และ เรื่องเล่าต่างๆ ด้วยประเด็นของการจ้างงาน และความสัมพันธ์ต่างๆที่จะขึ้นอยู่กับสีผิว ทำให้ผู้คนต้องการที่จะใช้ครีมบำรุงผิวขาว เพราะหวังว่าจะช่วยให้มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น และบางประเทศ อย่างประเทศอินเดียและประเทศไทย เป็นเรื่องยากที่จะมองหาผลิตภัณฑ์ความงามที่ไม่มีการกล่าวถึงสรรพคุณที่ช่วยให้ผิวขาว ความเป็นจริงแล้ว สีผิว สีผม และสีของดวงตา เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดให้แสดงออกมาบนชั้นบนสุดของผิวหนังจากเม็ดสีเมลานินในสารพันธุกรรม ทำให้แต่ละคนมีสิวผิวที่ต่างกันไป และในปัจจุบันได้มีการวางขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวขาวที่บอกว่ามีสรรพคุณในการต้านการทำงานของเม็ดสีเมลานิน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับผลที่จะตามหลังจากการใช้ผลิตภัณฑ์ Dr.Bav Shergill แพทย์ผู้ให้คำปรึกษาด้านผิวหนัง และผู้จัดการของ British Skin Foundation อธิบายว่า “เมลานินเป็นสิ่งที่ถูกผลิตจาก Melanocytes เพื่อป้องกัน DNA ของผิวหนังจากอันตรายของแสงแดด ซึ่งการทำให้จำนวนของเมลานินลดลงมากเกินไป อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้”
นอกจากนี้ในส่วนประกอบของครีมยังพบว่ามีสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) และสารปรอท (Mercury) โดยทาง British Skin Foundation ได้ออกมาเตือนว่า สารไฮโดรควิโนนสามารถทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และมีการฟอกสีที่ไม่เสมอกันของผิว รวมถึงสารปรอทที่สามารถทำให้ผิวคล้ำ และเกิดผื่นคันรุนแรงได้ ซึ่งสารเคมีทั้ง 2 ชนิดเป็นสารเคมีที่ถูกประกาศว่าห้ามนำมาใช้ในสหภาพยุโรป และหากมีการนำครีมที่มีสารผสมดังกล่าววางขายก็จะถูกเจ้าหน้าที่ยึดในทันที แต่ไม่ได้หมายความว่าบริษัทต่างๆจะมีการตอบสนองต่อสุขภาพของประชาชน เพราะแค่ตัวครีมไม่สามารถที่จะทำให้คนขาวขึ้นได้ ดังนั้นทางบริษัทยาที่ไม่มีความรับผิดชอบก็จะมีการคิดวิธีหลอกล่อต่างๆมาการนำเสนอ เช่น Real women campaign ของ Dove ที่มีจุดประสงค์ในการท้าทายเรื่องแบบแผนของความสวยในปัจจุบัน ซึ่งแคมเปญนี้ได้สร้างยอดขายเพิ่มขึ้นให้ Dove ถึง 700% แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะเปลี่ยนทัศนคติเรื่องสีผิวของคนในสังคมได้ โดยจะเห็นได้ว่าทางบริษัทได้ใช้ทั้งหลักกายภาพ และให้คุณค่าทางด้านอารมณ์ในการนำเสนอ เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับสินค้า
Emmanuel ได้กล่าวว่า “เราจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนทัศนคติเหล่านี้ ซึ่งมันจะต้องใช้เวลาหลายปีในการที่จะปรับเปลี่ยน และในประเทศที่มีคนที่มีสีผิวที่หลากหลาย ก็ควรที่จะมีการทำให้ทุกๆสีผิวมีความเท่าเทียมกัน” โดยข้อความนี้เป็นการส่งไปยังบริษัทที่ได้กำไรหลายพันล้านจากการขายความคิดว่า ผิวขาวเท่านั้นถึงจะดูสวยได้
