เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ กับเกร็ดความรู้เรื่องหลักภาวะเจริญพันธุ์

เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์-กับเกร็ดความรู้เรื่องหลักภาวะเจริญพันธุ์----feat

วิธีการที่จะเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ และการดูแลสุขภาพขณะตั้งครรภ์

การดูแลตัวเอง

การดูแลตัวเอง

  1. เริ่มจากการบริโภคอาหารที่มีกรดโฟลิค (Folic acid) ซึ่งหากบริโภคอย่างน้อย 0.4 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลา 2 – 3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ จะมีผลในการช่วยลดโอกาสเกิดความผิดปกติทางระบบประสาทของทารกได้ถึงร้อยละ 50 – 70 โดยตัวอย่างของความผิดปกติทางระบบประสาทเช่น มนุษย์กบ (Anencephaly) หรือความบกพร่องของกระดูกไขสันหลัง (Spina bifida) สิ่งที่คุณสามารถทำได้อาจจะเป็นการเริ่มต้นวันด้วยการรับประทานผลส้ม หรือดื่มน้ำส้มแก้วใหญ่ที่ให้กรดโฟลิคสูง ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญต่อผู้หญิงที่ต้องการจะตั้งครรภ์
  2. การบริโภควิตามินบางชนิดในปริมาณมากสามารถทำให้เกิดอันตรายต่อพัฒนาการของเด็ก ดังนั้นก่อนที่คุณจะตั้งครรภ์ ให้เปลี่ยนมาบริโภควิตามินสำหรับคนก่อนคลอดแทน
  3. หยุดการสูบบุหรี่ เพราะจากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่สูบบุหรี่เพียงแค่ 10 ม้วนต่อวัน ก็สามารถลดโอกาสในการจะมีบุตรลงไปถึง 50 %
  4. การบริโภคกาแฟ คาเฟอีนจะทำให้หลอดเลือดตีบ และลดการไหลเวียนเลือดไปยังมดลูก มีผลในการยับยั้งการเจริญเติบโตของทารก นอกจากนี้มีผลการศึกษาออกมาว่า การบริโภคกาแฟดำมากกว่า 3 แก้วต่อวัน อาจก่อให้เกิดความผิดปกติของภาวะเจริญพันธุ์ได้
  5. ถ้าหากคุณ หรือคู่ของคุณทำงานอยู่ในสถานที่ที่ได้รับสารที่เป็นอันตราย คุณอาจจะต้องทำการเปลี่ยนงาน หรือเปลี่ยนรูปแบบงานที่ทำอยู่ก่อนที่เริ่มต้นสร้างครอบครัว เพราะสารพิษสามารถส่งผลต่อคุณภาพของอสุจิ (Sperm) และการพัฒนาของเอ็มบริโอ (Embryo) หรือตัวอ่อนได้
  6. ถ้าคุณยังไม่ได้รับการตรวจร่างกาย ให้คุณไปหาแพทย์สักคน เพื่อนสอบถามถึงประวัติทางการแพทย์ของคุณ และถามถึงการเริ่มต้นวางแผนที่จะมีบุตร
  7. หากคุณกำลังมีการบริโภคยาอยู่ ให้ถามแพทย์ให้แน่ใจว่าคุณสามารถบริโภคยาต่อขณะที่กำลังจะตั้งครรภ์ได้หรือไม่
  8. ถ้าคุณเป็นโรคเบาหวาน เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมก่อนการตั้งครรภ์ จากการศึกษาชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงที่เป็นโรคเบาหวานแล้วไม่มีการควบคุมระดับอินซูลินที่ดี จะมีโอกาสที่ทารกจะมีความผิดปกติมากกว่าผู้หญิงที่ไม่เป็นโรคเบาหวาน 4 -6 เท่า
  9. ตรวจให้มั่นใจว่าคุณไม่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted disease ; STDs) ผู้หญิงในประเทศอเมริกาทางตอนเหนือมีภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกราน (Pelvic inflammatory disease) มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี ซึ่งสาเหตุอันดับหนึ่งมาจากการไม่รักษาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  10. หยุดการสูบบุหรี่ และการดื่มไวน์ โดยคุณควรที่จะตั้งสันนิษฐานไว้ก่อนว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ จนกว่าที่คุณจะมั่นใจว่าคุณไม่ได้ตั้งครรภ์จริงๆ เพราะหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาของตัวอ่อน คือช่วงเวลาก่อนที่ผู้หญิงจะรู้ตัวว่าตนเองตั้งครรภ์

เตรียมความพร้อม

เตรียมความพร้อม

คุณต้องทำให้ช่องคลอดของคุณพร้อมที่จะรับอสุจิเข้ามา โดยหลีกเลี่ยงการฉีดสเปรย์ และการใช้ผ้าอนามัยแบบสอดที่ใส่น้ำหอม เพราะจะทำให้ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ในช่องคลอดเกิดการเสียสมดุล หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันหล่อลื่นเทียม น้ำมันพืช กลีเซอรีน (Glycerin) และน้ำลาย เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้อสุจิตายได้ รวมถึงการสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้ความเป็นกรด-ด่างในช่องคลอดเกิดการเปลี่ยนแปลง และยังอาจทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องคลอด หรืออาจเกิดภาวะอักเสบในอุ้งเชิงกรานได้ รวมถึงยังเป็นการล้างเมือกบริเวณปากช่องคลอดที่จำเป็นต่อการเคลื่อนตัวของอสุจิด้วย และถ้าคุณอยากรู้ว่าวันนี้คุณมีน้ำเมือกปากช่องคลอดที่มีความสมบูรณ์ เหมาะสมหรือเปล่า ให้คุณตรวจสอบก่อนที่จะอาบน้ำ หรือว่ายน้ำ เพราะกิจกรรมเหล่านี้สามารถส่งผลต่อคุณภาพและปริมาณของน้ำเมือกปากช่องคลอดได้ นอกจากนี้การศึกษายังชี้ให้เห็นว่า เมื่อหยุดการมีเพศสัมพันธ์มากกว่า 7 วัน จะทำให้ความสมบูรณ์ของภาวะเจริญพันธ์ในเพศชายลดลงไป และอีกหนึ่งการศึกษาพบว่าช่วงเวลาการเจริญพันธุ์ที่สมบูรณ์ที่สุดของผู้หญิงจะอยู่ในช่วง 5 วันก่อนการตกไข่ ดังนั้นถ้าคุณคิดว่ากำลังจะมีการตกไข่ ช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่จะทำให้เกิดการตั้งครรภ์

คุณสามารถที่จะตรวจสอบความพร้อมของภาวะเจริญพันธุ์ด้วยสัญญาณที่ร่างกายของคุณบอกด้วยตัวของคุณเองได้ โดยวิธีที่จะทำให้คุณรู้ว่าเมื่อไหร่ที่มีการตกไข่ ให้คุณสังเกตว่าช่องคลอดของคุณเริ่มนุ่ม และมีการเปิดออก ให้ความรู้สึกเหมือนที่ตอนที่รอบเดือนของคุณกำลังจะมา ซึ่งถ้าหากรอบเดือนของคุณนานกว่า หรือไวกว่า 28 วัน การตกไข่จะไม่ได้เกิดขึ้นในอีก 14 วันต่อมา เพราะการตกไข่มักจะเกิดขึ้นก่อนที่จะมีรอบเดือน 14 วัน ไม่ใช่หลังมีรอบเดือน 14 วัน

อย่าหักโหม

อย่าหักโหม

คู่ของคุณชอบที่จะออกกำลังกายด้วยการปั่นจักรยานหรือเปล่า ถ้าใช่ ไปบอกให้เขาเปลี่ยนมาเป็นการวิ่งบนลู่วิ่งแทนจะดีกว่า เพราะจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ในแคลิฟอร์เนียเปิดเผยว่า ชายที่ปั่นจักรยานมากกว่า 100 กิโลเมตรต่อสัปดาห์จะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อความสมบูรณ์ของภาวะเจริญพันธุ์ เนื่องจากการที่ต้องนั่งอยู่บนเบาะจักรยานตลอดเวลาสามารถทำให้เกิดอันตรายต่อเส้นประสาทและเลือดแดงที่สำคัญได้

การออกกำลังกายนั้นสามารถให้ประโยชน์กับคุณได้มากมาย แต่การที่ออกกำลังกายมากเกิดไปก็สามารถส่งผลเสียต่อภาวะเจริญพันธุ์ได้ เช่น ความผิดปกติของรอบเดือน หรือความผิดปกติของระยะเวลาการตกไข่ ดังนั้นคุณจงออกกำลังกาย แต่อย่าหักโหมมากจนเกินไป คุณต้องเริ่มที่จะหาวิธีออกกำลังกายสำหรับผู้ตั้งครรภ์ อาจจะเป็นการเดินเร็ว 20 – 30 นาที สัก 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือมากกว่านั้นเพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง และสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดที่ดี แต่อย่างไรก็ตามก่อนที่คุณจะออกกำลังกาย คุณควรจะได้รับคำปรึกษาแพทย์ก่อน

การคาดคะเน

การคาดคะเน

คู่รักบางคู่ชอบที่จะใช้วิธีการวัดอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปของร่างกายซึ่งมักจะมาพร้อมกับการตกไข่ และคาดคะเนว่าเป็นวันที่มีความพร้อมของภาวะเจริญพันธุ์ เพื่อที่จะสร้างการตั้งครรภ์โดยธรรมชาติ ถ้าหากว่าคุณตัดสินใจแล้วว่าจะใช้เครื่องมือวัดอุณหภูมิเพื่อหาวันตกไข่ (Basal body temperature ; BBT) คุณควรเลือกใช้เครื่องวัดแบบดิจิตอลมากกว่าปรอทวัดอุณหภูมิแบบเก่าที่อาจมีการคาดเคลื่อนได้มากกว่า โดยคุณต้องห้ามกิน ดื่ม หรือออกจากที่นอนก่อนที่เครื่องจะวัดอุณหภูมิเสร็จ เพราะทุกๆกิจกรรมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ซึ่งถ้าคืนก่อนคุณได้รับการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ให้คุณจดลงในตารางที่คุณบันทึกอุณหภูมิด้วย เพราะการที่คุณนอนหลับน้อยกว่า 3 ชั่วโมงสามารถทำให้ผลการวัดอุณหภูมิคลาดเคลื่อนได้ เมื่อผลออกมาแล้ว หากคุณไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิจากบันทึกที่จดไว้ก็ไม่ต้องตกใจ เนื่องจากผู้หญิงบางคนก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเมื่อมีการตกไข่ และถ้าคุณตั้งใจที่จะใช้การวัดอุณหภูมิเพื่อหาวันที่จะมีการตกไข่ ก็อย่ารอจนวันที่มีอุณหภูมิขึ้นสูง เพราะนั้นแปลว่าร่างกายได้มีการตกไข่แล้ว และคุณอาจจะพลาดโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ แต่ถ้าหากคู่ของคุณมีปริมาณของอสุจิน้อย คุณอาจจะต้องมีเพศสัมพันธ์ทุกวันกระตุ้นการสร้างอสุจิ แพทย์อาจจะแนะนำให้งดการหลั่งอสุจิระหว่างวันเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์พร้อมที่สุดในช่วงเวลาที่คุณมีเพศสัมพันธ์ เมื่อร่างกายเกิดการปฏิสนธิแล้ว คุณสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้เมื่อเวลาผ่านไปแล้วอย่างน้อย 12 วัน

การมีเพศสัมพันธ์

การมีเพศสัมพันธ์

ถ้าคุณต้องการที่จะตั้งครรภ์ ลองหาวิธีที่จะทำให้คุณสนุกไปกับการมีเพศสัมพันธ์ คุณอาจจะเลือกสถานที่อื่นนอกจากห้องนอน หรือช่วงเวลาใหม่ๆบ้าง คุณควรเลือกมีเพศสัมพันธ์ขณะที่ร่างกายมีความสมบูรณ์พร้อม (5 วันก่อนที่จะมีการตกไข่) โดยถ้าร่างกายของคุณมีความแข็งแรงมากพอ ให้คุณมีเพศเพศสัมพันธ์ทุก 48 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่าอสุจิใหม่จะหลั่งเข้าไปในรังไข่อยู่เสมอ และอย่าลุกหรือไปเข้าห้องน้ำทันทีหลังจากมีเพศสัมพันธ์ ให้นอนพักก่อนอย่างน้อย 5 นาที เพื่อให้เวลากับอสุจิได้เดินทางไปปฏิสนธิกับไข่ รวมถึงอย่าลืมที่จะใช้วิธีการคาดคะเน เพราะถึงแม้ว่าคุณจะทำทุกอย่างถูกต้อง คุณก็โอกาสเพียง25 – 30% ที่จะเกิดการตั้งครรภ์ได้ และต้องจำไว้ว่าอย่าทำให้การมีเพศสัมพันธ์เป็นเหมือนงานบ้านที่น่าเบื่อ หนึ่งในคำแนะนำของผู้ให้คำปรึกษาเพื่อการมีบุตร คือ “ไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์ทุกวัน ถ้าคุณอยากที่จะตั้งครรภ์ให้คุณเก็บแรงไว้มีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีการตกไข่จะดีกว่า เพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่น ทำให้การมีเพศสัมพันธ์เป็นที่น่าพอใจและโรแมนติก”

มองเผื่ออนาคต

มองเผื่ออนาคต

ถึงแม้ว่าคุณยังไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่คุณก็ควรที่จะเริ่มมองหาที่ฝากครรภ์ได้แล้ว ลองสอบถามจากคนรู้จักว่ามีแพทย์ และพยาบาลคนไหนที่ให้การดูแลขณะตั้งครรภ์ได้ดี นอกจากนี้คุณควรหาวิธีที่จะผ่อนคลายความเครียดในขณะที่คุณพยายามจะตั้งครรภ์
ร่างกายของคุณจะทำการหลั่ง Human Chrionic Gonadotrophin ; HCG หลังจากมีการปฏิสนธิไปแล้วประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งจะมาพร้อมกับระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) ที่สูงขึ้น ทำให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณของกระดูกเชิงกรานมากขึ้น บางครั้งอาจจะมีการเข้าห้องน้ำที่บ่อยขึ้นเมื่อมีการตั้งครรภ์ ไม่ต้องตกใจถ้าคุณมีเลือดไหลออกมาเล็กน้อยจากช่วงคลอด ผู้หญิงบางคนอาจมีเลือดไหลออกมาตลอดสัปดาห์หลังมีการปฏิสนธิ มีผู้หญิงหลายคนที่เข้าใจว่าเลือดที่ไหลออกมาคือประจำเดือน ซึ่งอาการเลือดออกเล็กน้อยจากช่องคลอด และการเกิดตะคริวถือว่าเป็นสัญญาณที่บอกถึงการตั้งครรภ์ แม้ว่าสัญญาณที่ดีที่สุดของการตั้งครรภ์คือการที่ขาดประจำเดือน แต่สาเหตุของการขาดประจำเดือนก็มีอยู่หลายสาเหตุ เช่น การเหนื่อยล้า เจ็บป่วย ผ่าตัด ความเครียด หรืออื่นๆอีกมากมาย และในบางกรณีก็ยังคงมีเลือดไหลเหมือนประจำเดือนอยู่เป็นบางช่วงของการตั้งครรภ์ หรือถ้าคุณใช้เครื่องตรวจการตั้งครรภ์ ให้คุณใช้การเก็บตัวตัวอย่างปัสสาวะจะดีกว่าการตรวจขณะที่คุณกำลังปัสสาวะอยู่ และต้องให้มั่นใจว่าปัสสาวะของคุณนั้นสะอาด ไม่มีการใช้สบู่ เพราะอาจทำให้ผลการตรวจผิดพลาดได้

Facebook Comments

ทิ้งข้อความไว้