30 เคล็ดลับความสวย กำจัดสิวให้ผิวเนียน จนใครๆต้องมอง

30 เคล็ดลับความสวย กำจัดสิวให้ผิวเนียน จนใครๆต้องมอง----feat

เคล็ดลับที่จะทำให้คุณหน้าใส เปล่งปลั่งอย่างที่คุณต้องการ

1. ทาครีมกันแดด

การทาครีมกันแดดเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยให้คุณดูอ่อนกว่าวัย โดย Day ได้กล่าวไว้ว่า “90% ของริ้วรอยนั้นมาจากการโดนแสงแดด ซึ่งการป้องกันมันทำได้ง่ายกว่าการที่จะมาแก้ไขในภายหลังมาก” และถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูหนาวคุณก็ยังต้องใช้ครีมกันแดดเช่นกัน เพราะรังสีสามารถสะท้อนมาจากอาคารและสิ่งต่างๆข้างทางเดินได้ โดยการเลือกครีมกันแดดนั้นให้เลือกสูตรที่เป็น Broad spectrum protection ที่สามารถป้องกันได้ทั้ง UVA (สาเหตุของริ้วรอย) และ UVB (สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง) และเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30

2. ล้างแปรงแต่งหน้า

จากการศึกษาในชาวอังกฤษพบว่า 72% ของผู้หญิงไม่เคยทำความสะอาดแปรง หรือฟองน้ำที่ใช้ในการแต่งหน้า ซึ่งนั่นคือแหล่งรวมสิ่งสกปรก และเชื้อแบคทีเรียที่สามารถก่อให้เกิดสิวได้ Jessica Wu แพทย์ผิวหนังใน LA และผู้ประพันธ์หนังสือ Feed Your Face กล่าวว่า “คุณควรที่จะล้างแปรงที่ใช้กับแป้งของคุณทุกๆ 2 หรือ 3 สัปดาห์ และล้างแปรงหรือฟองน้ำที่ใช้กับแป้งรองพื้นทุกสัปดาห์” โดยทำได้ด้วยการผสมน้ำยาทำความสะอาดผิวหน้า หรือสบู่ประมาณ 2 หยดกับน้ำอุ่นลงในแก้วแล้วแกว่งแปรงไปรอบๆ ล้างแปรงด้วยน้ำอุ่น จากนั้นตบเบาๆเพื่อเอาน้ำออกและวางผึ่งไว้ให้แห้ง

 3. บริโภคถั่วหลากหลาย

ถั่วบราซิล (Brazil nuts) อุดมไปด้วยแร่ธาตุซีลีเนียมที่ช่วยเพิ่มยืดหยุ่นให้กับผิว และยังอาจช่วยลดการเกิดมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย วอลนัท (Walnuts) มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีส่วนช่วยในการลดการอักเสบและยับยั้งการเกิดสิว” แมคคาเดเมีย (Macadamias) เป็นถั่วที่มีน้ำมัน และกรดไขมันที่มีคุณภาพสูง ช่วยในการฟื้นฟูและคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลจาก Molly Morgan หนึ่งใน Board Certified Sports Specialist Dietitian และผู้ประพันธ์หนังสือ The Skinny Rules และ Isaac Eliaz แพทย์บูรณาการ โดยมีการแนะนำว่าให้บริโภคถั่ว 1 กำมือต่อวันเพื่อให้ได้รับประโยชน์ที่เหมาะสม

ล้างแปรงแต่งหน้า

4. ใช้เซรั่ม (Serum)

Fran Cook-Bolden ผู้อำนวยการของ New York’s Skin Specialty Dermatology กล่าวว่า “เซรั่มจะสามารถช่วยได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากกว่าการใช้ครีมหรือโลชั่น ซึ่งจะทำให้คุณเห็นผลได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน” โดยสารต้านอนุมูลอิสระจะทำให้ผิวแข็งแรง และ Peptides จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ส่งผลให้ผิวกระชับ ดูอ่อนเยาว์ และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรจะทำการล้างหน้าให้สะอาด แล้วทาทับด้วยครีมกันแดด หรือผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวร่วมด้วย

 5. ทำโทรศัพท์มือถือให้ปราศจากเชื้อโรค

จากการศึกษาโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Stanford University) พบว่าโทรศัพท์มือถือนั้นมีเชื้อโรคอยู่มากกว่าห้องน้ำในรถไฟใต้ดิน ซึ่งจอแบบระบบสัมผัสนั้นเป็นแหล่งสะสมของไวรัส และเมื่อมีการโทรหรือยกขึ้นแหนบหู เชื้อโรคเหล่านั้นก็จะติดมาอยู่บนหน้าของคุณ สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผดและการระคายเคือง ดังนั้นคุณควรที่จะฆ่าเชื้อโรคบนมือถือของคุณอยู่เป็นประจำ โดยมีวิธีการ เช่น การเช็ดด้วยผ้าเช็ดทำความสะอาดสัก 2 – 3 ครั้งต่อวัน

6. ดูแลผิวตามขั้นตอน

ในความจริงแล้วลำดับการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นอาจจะสำคัญกว่าการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อต่างๆ การเลือกผลิตภัณฑ์นั้นควรเลือกแบบที่ซึมเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว Syed Amiry แพทย์ผิวหนังใน Reston กล่าวว่า “การใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆจะให้ผลดีที่สุด เมื่อผลิตภัณฑ์มีการซึมเข้าสู่ผิวได้โดยตรง” และหากมีการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหลายอย่าง ให้เริ่มที่ผลิตภัณฑ์ที่มีความบางเบาที่สุดก่อน ค่อยตามด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความหนาเพิ่มขึ้นมา และปิดท้ายด้วยเนื้อครีม ซึ่งถ้าคุณทำสลับกัน เนื้อครีมที่มีความหนาจะทำให้ผลิตภัณฑ์บำรุงอื่นไม่สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้

 ดูแลผิวตามขั้นตอน

7. เลิกบริโภคผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนม

Wu อธิบายว่า “ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนม ถึงแม้ว่าจะมาจากธรรมชาติ แต่ฮอร์โมนที่ได้จากวัวก็สามารถไปกระตุ้นต่อมไขมันและรูขุมขนได้ ซึ่งสิ่งนี้จะนำมาสู่การเกิดสิว” นอกจากนี้ยังควรระวังนมที่มีอยู่ในน้ำสลัด โปรตีนแท่ง และโปรตีนแบบเขย่า โดยทางเลือกที่ดีที่สุดคือการเลือกผลิตภัณฑ์จากนมแบบพร่องมันเนย เพราะฮอร์โมนจะถูกเก็บอยู่ในส่วนของไขมัน

8. ใช้เรตินอล (Ratinol)

Doris Day แพทย์ผิวหนังใน New York กล่าวว่า “ทุกคนควรที่จะใช้เรตินอล เพราะเป็นสิ่งที่ได้รับการรับรองจากคลินิกแล้วว่าสามารถช่วยให้เซลล์ผิวกลับมาดีขึ้นได้อีกครั้ง และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผิวกระชับและอ่อนเยาว์อีกด้วย” นอกจากนี้ Amiry ยังกล่าวอีกว่า “เรตินอลเป็นสารต้านการอักเสบชั้นดีที่จะช่วยในการรักษาสิว รอยแผลเป็น และริ้วรอยต่างๆ”

 9. พักผ่อนให้เพียงพอ

Amy Wechsler แพทย์ผิวหนังและจิตแพทย์ กล่าวว่า “การอดนอนทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้แย่ลง และเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าซีด โดยร่างกายจะมีการฟื้นฟูได้ดีที่สุดในเวลากลางคืน ตึงเป็นเวลาที่คุณต้องพักผ่อนเพื่อให้ผิวได้รับสารอาหารและมีความชุ่มชื้นอย่างเต็มที่”

พักผ่อนให้เพียงพอ

10. ขัดผิวให้รูขุมขนดูเล็กลง

การมีรูขุมขนใหญ่เป็นสิ่งหนึ่งที่ใครหลายคนไม่ต้องการ และจำเป็นที่จะต้องได้รับการดูแลเพื่อความสวยความงาม Amiry อธิบายว่า “รูขุมขนที่ใหญ่จะเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรก น้ำมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และเคราติน (Keratin) หรือก็คือโปรตีนที่อยู่บนชั้นบนสุดของผิวหนัง ซึ่งการกำจัดสิ่งอุดตันเหล่านั้นออกไปจะช่วยให้รูขุมขนดูเล็กลงได้” การทำความสะอาดเริ่มด้วยการใช้ยาที่มีกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) และกรมไกลโคลิก (Glycolic acid) แล้วเพิ่มการขัดผิวด้วยผลิตแร่ละเอียด (Microdermabrasion) 1 หรือ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป

 11. จิบไวน์องุ่น Merlot

เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารอาหารที่อยู่ในไวน์แดงที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ และโพลิฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งจะช่วยรักษาริ้วรอยและความหย่อนคล้อยจากสิ่งแวดล้อมที่ทำลายผิว เช่น ควันบุหรี่ Erin Gilbert แพทย์ผิวหนัง และนักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ให้ข้อมูลว่า “สารต้านอนุมูลอิสระนั้นมีประสิทธิภาพที่มากกว่าวิตามินซี และงานผลการวิจัยพบว่าสารต้านอนุมูลอิสระสามารถทำให้ผิวกระชับขึ้นได้ในระดับปานกลาง”

12. อย่าละเลยคอและหน้าอก

คนส่วนใหญ่มักจะใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวแค่บริเวณใบหน้า และละเลยที่จะดูแลคอและหน้าอกทำให้เกิดรอยย่น หย่อนคล้อย และรอยด่างดำ Amiry อธิบายว่า “ผิวที่มีความบอบบาง และไม่ได้มีเส้นเลือดที่แข็งแรงมาหล่อเลี้ยง ทำให้การฟื้นฟูของส่วนนั้นไม่ดีเท่าที่ควร”

 จิบไวน์องุ่น-Merlot

13. ล้างเครื่องสำอางก่อนเข้านอน

การทำความสะอาดผิวเพื่อไม่ให้มีสิ่งอุดตันที่รูขุมขน Macrene Alexiades-Armenakas ผู้ช่วยศาสตราจารย์คลินิกแพทย์ผิวหนัง Yale School of Medicine กล่าวว่า “เครื่องสำอางส่วนใหญ่มีส่วนผสมของน้ำตาล ซึ่งสามารถเจริญเติบโตเป็นยีสต์ได้เมื่อทิ้งไว้ข้ามคืน”

14. ใช้นมถั่วเหลืองช่วย เมื่อมีการพักผ่อนน้อย

การต้านการอักเสบ และลดการบวมได้ด้วยโปรตีนจากถั่วเหลือง ที่ช่วยให้ผิวนุ่ม อุณหภูมิที่เย็นจะช่วยลดการบวมและการขยายตัวของหลอดเลือดดำในลูกตา โดยให้นำก้อนสำลีจุ่มลงในนมถั่วเหลืองแล้วบีบส่วนที่เกินออก จากนั้นวางก้อนสำลีลงบนดวงตาทั้ง 2 ข้าง หรือปิดบริเวณที่แดงหรือระคายเคือง ประมาณ 5 นาทีก่อนที่จะเอาออก

 15. กำจัดถุงใต้ตาในตอนเช้า

Anne Chapas ศัลยแพทย์ผิวหนังกล่าวว่า “ใต้ตาของคนเราจะถูกของเหลวเติมเข้าเมื่อเรานอนลงในเวลาการคืน” ดังนั้นให้เริ่มด้วยการหนุนหมอน 2 ใบเพื่อยกระดับหน้าให้สูงขึ้น และในตอนเช้าให้นวดใต้ตาด้วยลูกกลิ้งเพื่อดันของเหลวออก ส่วนการลดรอยดำใต้ดวงตา ให้ใช้นิ้วนางแต้มครีมบำรุงรอบดวงตาที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนทาเบาๆบริเวณรอบดวงตา

ล้างเครื่องสำอางก่อนเข้านอน

16. อย่าอาบน้ำร้อน

การใช้ฝักบัวอาบน้ำร้อนอาจจะทำให้รู้สึกดี แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ผิวแย่ลงได้ การอาบน้ำร้อนจะทำให้หลอดเลือดเกิดการขยายตัวเพื่อที่จะทำให้ผิวเย็นลง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังแดง Alexiades-Armenakas กล่าวว่า “เมื่อคุณอายุ 20 การแดงและบวมอาจจะหายไปใน 1 ชั่วโมงหลังจากการอาบน้ำร้อน เมื่อคุณอายุ 30 คุณอาจจะต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง และในอายุ 40 ความสามารถในการคืนตัวของผิวไม่ได้ดีเหมือนอย่างเก่า นั่นอาจทำให้ตัวของคุณแดงก่ำอยู่ตลอดเวลา”

 17. เพิ่มความชุ่มชื้น

ครีมและโลชั่นหลายๆตัวมีส่วนผสมสำคัญที่สร้างเกราะป้องกันบนพื้นผิวให้กักเก็บความชุ่มชื้น จากการวิจัยพบว่าการชโลมครีมที่มีส่วนผสมของซิลิโคน ไดเมทิโคนขณะที่หน้าเปียกหมาดๆช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นมากกว่า24ชั่วโมง ให้ผิวหน้าอิ่มเอิบและปรับสภาพผิวให้ดูชุ่มชื่นขึ้น

18. โกนหนวดที่หน้าให้อ่อนโยนที่สุด

การแว๊กซ์หรือโกนหนวดอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นได้โดยเฉพาะกับผู้หญิงผิวเข้ม ดังนั้นให้ใช้ครีมทั้งก่อนและหลังแว๊กซ์หรือโกนเพื่อไม่ให้ผิวเปลี่ยนสี

 เพิ่มความชุ่มชื้น

19. แตงโมเพิ่มความชุ่มชื่น

ทานอาหารที่มีไลโคปีน เช่น แตงโม จะช่วยลดการทำลายหรือการเกิดรอยแดงจากแดด ปกป้องรอยเหี่ยวย่นหรือมะเร็งผิวหนังที่อาจตามมาในภายหลัง ฉะนั้นเพียงสลัด 1 ถ้วย หรือน้ำผลไม้ปั่น 1 แก้วต่อวันก็ช่วยทำให้สดชื่นมีชีวิตชีวา

20. ขัดแบบไม่ต้องถู

เวลาผ่านไป เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วของคนเราจะถูกทำลายยากขึ้นเพราะประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ในผิวหนังเริ่มอ่อนลง กระตุ้นการทำงานของเอนไซม์อีกครั้งด้วยกรด Alpha Hydroxy อย่างกรดไกลโคลิคหรือกรดแลคติก แต่ดูที่ฉลากให้แน่ใจว่ามีส่วนผสมของกรดเหล่านี้ไม่มากกว่า 8%

 21. ใส่แว่นกันแดด

ถ้าคุณกำลังมองหาอีกเหตุผลในการซื้อแว่นกันแดดล่ะก็ บอกเลยว่าแว่นกันแดดสามารถปกป้องรอยย่นและรอยเหี่ยวใต้ตาได้มากกว่าครีมกันแดด เพราะเวลาเจอแสงแดดหรือแสงสว่าง การหรี่ตาจะทำให้เกิดริ้วรอยได้

ใส่แว่นกันแดด

22. ดื่มน้ำ

น้ำช่วยล้างสารพิษที่เป็นตัวทำให้เกิดผื่นและสิวได้ แล้วยังส่งสารอาหารและออกซิเจนไปถึงเซลล์ผิว ช่วยป้องกันการคายน้ำที่ทำให้เกิดรอยเหี่ยวก่อนวัยอันควร นอกจากนี้ยังช่วยเติมเต็มผิวให้ดูเต่งตึงแบบเป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้นถ้าอยู่ในสภาพอากาศร้อน

 23. ซิงค์ (Zinc) หรือแร่ธาตุสังกะสีสำหรับมื้อเช้า

หลายคนที่กำลังลดน้ำหนักหรือทานอาหารแปรรูปมากๆอาจไม่ได้รับซิงค์หรือแร่ธาตุสังกะสีเพียงพอที่จะทำให้ผิวกระจ่างใส โดยควรทานซีเรียลหรืออาหารที่มีซิงค์ 25% ทุกวัน เพราะซิงค์ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย รักษาแผล และขจัดสิวได้

24. อดทน

ทุกคนที่ซื้อผลิตภัณฑ์ต่างๆมาใช้ก็คงอยากเห็นผลเร็วๆ แต่อย่างไรก็ต้องอดทนไว้ก่อน เพราะทุกอย่างต้องใช้เวลา บางคนใช้ผลิตภัณฑ์แรกไปนิดเดียวแล้วรู้สึกว่าไม่เห็นผล จึงไปซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่มาใช้ ซึ่งการเริ่มต้นใหม่ก็ต้องใช้เวลาอีกอยู่ดี

 ดื่มน้ำ

25. หยุดบริโภคอาหารประเภทเดียวกับเฟรนฟราย

การวิจัยพบว่าอาหารที่เต็มไปด้วยไขมันและคาร์โบไฮเดรตจะช่วยเพิ่มรอยเหี่ยวย่น เช่น เฟรนฟราย ครีมชีส และเนื้อสีแดง ในทางตรงกันข้ามโปรตีนอย่างปลา สัตว์ปีก เต้าหู้ และถั่วจะช่วยให้เซลล์กระปรี้กระเปร่าอยู่ตลอดเวลา

26. สารต่อต้านอนุมูลอิสระจากพืช

เลือกครีมต่อต้านริ้วรอยที่มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจากพืช เช่น เห็ดหรือถั่วเหลือง ข้อมูลจากนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เมื่อเราทานพืชที่มีสรรพคุณในการต่อต้านโรคมะเร็งเข้าไป สรรพคุณต่างๆจากพืชนั้นจะอยู่ไปจนถึงกระบวนการย่อยอาหาร และถ้าเราลองใช้กับผิวโดยตรง ลองคิดดูว่าพลังอันมหาศาลของพืชเหล่านั้นจะอยู่ได้นานแค่ไหน

 27. บรอคโคลี่

แค่บรอคโคลี่ครึ่งแก้วก็มีค่าวิตามินซีถึง 65% ต่อปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน ซึ่งวิตามินซีไม่ได้แค่ช่วยลดริ้วรอยหรือความหย่อยคล้อย แต่ยังช่วยลดความเสียหายของ DNA ที่ริ้วรอยสร้างไว้อีกด้วย ฉะนั้นการเยียวยาผิวด้วยวิตามินซีถือเป็นอีกหนึ่งทางที่ได้ผล

บรอคโคลี่

28. เอามือให้ห่างจากหน้า

แม้ว่าจะจับหน้าแค่เบาๆก็ถือเป็นการทำร้ายผิว แพทย์คนหนึ่งเล่าประสบการณ์ว่าหน้าของคนไข้กลับมากระจ่างใสขึ้นได้เพียงแค่ไม่จับหน้าเท่านั้น เพราะทุกครั้งที่กดสิวทำให้เกิดรอยแผลและแบคทีเรียจะเข้าไปฝังลึกในผิวหน้า ต่อมน้ำมันเปิดออก และทำให้เจ็บยิ่งกว่าเดิม ผลลัพธ์ก็คือสิวเพิ่มขึ้น สีผิวไม่เท่ากัน และรอยแผลเป็น

29. เพิ่มเบอร์รี่ให้ผิว

ราสเบอร์รี่เต็มไปด้วยกรดเอลลาจิกและสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าลบริ้วรอยได้จริง เพราะมันจะปกป้องคอลลาเจนที่ทำให้ผิวอิ่มเอิบและไม่ให้แสงอาทิตย์เผาได้ง่าย นอกจากนี้อาจเพิ่มน้ำผึ้งเข้าไปด้วยจะทำให้ผิวชุ่มชื่นถึงขีดสุด ให้นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 15-20 นาทีแล้วล้างให้แห้งจะเห็นได้ชัดว่าหน้านุ่มขึ้นมาก

30. ใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ

สารต้านอนุมูลอิสระอย่างวิตามินซีเพิ่มการปกป้องต่อการทำลายและสารพิษ และนั่นคือเหตุผลที่เราควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกวัน และทุกๆ 2 ชั่วโมงถ้าอยู่ข้างนอกเป็นเวลานานๆ

Facebook Comments

ทิ้งข้อความไว้