8 วิธีการลดรอยแดงจากสิว ที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้าน

8-วิธีการลดรอยแดงจากสิว-ที่คุณสามารถทำได้เองที่บ้าน-feat

เคยตื่นขึ้นมาแล้วพบกับเม็ดสิวแดง ๆ บนหน้าหรือเปล่า หลายคนต้องพบกับปัญหาสิวที่น่ารำคาญใจ เนื้อเยื่อที่ได้รับการฟื้นฟูแล้วกับมีสภาพที่แย่ลง เกิดจากกระบวนการซ่อมแซมของร่างกาย จนอาจก่อความรำคาญเมื่ออาการระคายเคืองนั้นแสดงออกมาให้เห็น แต่เป็นเรื่องโชคดีที่ปัญหานี้มีทางแก้ ซึ่งกำลังจะกล่าวต่อไปนี้

วิธีลดรอยแดงจากสิว

1.ถุงชาแช่น้ำ

นำถุงชาไปแช่ในน้ำอุ่นประมาณ 1 นาที แล้วนำออกมาบีบน้ำออก จากนั้นทิ้งไว้ให้ถุงชาเย็น แล้ววางลงบนสิวสักครู่ ถุงชามีสารแทนิน (Tannins) ช่วยลดการบวมได้ นอกจากรักษาสิวแล้วยังใช้ในการรักษาอื่น ๆ เช่น อาการตาบวม เป็นต้น

ถุงชาแช่น้ำ

2.ก้อนน้ำแข็ง

เพื่อลดการระคายเคือง ให้ห่อก้อนน้ำแข็งด้วยผ้าสะอาดแล้ววางลงบนสิว แต่หลีกเลี่ยงการกดที่มากเกินไป เพื่อให้มั่นใจว่าทำลายสิว และไม่ใช่สาเหตุของการแดงที่เพิ่มขึ้น อุณหภูมิที่เย็นจะลดการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่นั้น ทำให้ลดการอักเสบและแดงลงได้

ก้อนน้ำแข็ง

3.น้ำมะนาวเล็กน้อย

กรดซิตริก (Citric) ในน้ำมะนาวจะไปต่อสู้กับเชื้อจุลลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดสิว จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าคุณสมบัติในการกัดกร่อนของกรดซิตริกสามารถช่วยให้ผิวกระจ่างใสได้ นอกจากนี้น้ำมะนาวยังช่วยลดรอยแดงจากสิว เพียงบีบมะนาวหนึ่งซีกเพื่อแช่สำลี แล้วทาลงบนรอยแดงทิ้งไว้ข้ามคืน ผลที่ได้อาจจะไม่เห็นในทันที แต่จะค่อยลดหายไปในที่สุด

น้ำมะนาวอาจส่งผลให้ผิวแห้ง การใช้วิธีนี้ในเวลากลางวันจึงไม่ใช่เรื่องที่ดี ดังนั้นให้ทำในเวลากลางคืน แล้วล้างออกตอนเช้าด้วยน้ำอุ่น แล้วทาทับด้วยผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดดที่ไม่อุดตันรูขุมขน และถ้าคุณใช้ยาตัวไหนอยู่ ให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนที่จะใช้วิธีนี้

น้ำมะนาวเล็กน้อย

4.สารสกัดจากต้นวิชฮาเซล (Witch Hazel)

ต้นวิชฮาเซลมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ และต้านเชื้อแบคทีเรีย โดยต้นวิชฮาเซลนี้มีกรดแทนิน (Tannin acid) ที่จะช่วยส่งผลต่อสภาพผิว รวมไปถึงสิวด้วย การใช้ต้นวิชฮาเซลในการรักษาสิวเป็นวิธีที่ใช้ดีในการลดรอยแดง และการบวมของสิวที่ดี โดยให้ทาลงบนผิว 2 ครั้งต่อวัน คือ ในตอนเช้า และก่อนเข้านอน หากใช้วิธีนี้แล้วผิวแห้ง ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้น หรือลดปริมาณสารสกัดจากต้นวิชฮาเซลลง

สารสกัดจากต้นวิชฮาเซล-(Witch-Hazel)

5.ว่านหางจระเข้

ว่านหางจระเข้ใช้ในการรักษาหลายอย่าง เพราะว่านหางจระเข้มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อโรค ต้านเชื้อแบคทีเรีย และต้านการอักเสบ โดยว่านหางจระเข้จะช่วยเร่งกระบวนการรักษาสิวของร่างกาย ทำให้มีการซ่อมแซมที่สมบูรณ์เมื่อเกิดความเสียหาย หรือการไหม้ที่ผิวหนัง นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทา และลดอาการบวม รอยแดง รวมไปถึงสิวด้วย

ว่านหางจระเข้

6.ยาสีฟัน

ในยาสีฟันมีส่วนผสมของเบคกิ้งโซดา ไตรโครซาน (Triclosan) แลไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำให้สิวแห้ง อย่างไรก็ตามยาสีฟันอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว จึงจำเป็นที่จะต้องระมัดระวังในการใช้ และการใช้ยาสีฟันเนื้อครีมนั้นดีกว่ายาสีฟันเนื้อเจลที่ไม่ได้มีส่วนผสมช่วยให้สิวแห้ง

ยาสีฟัน

7.ยาหยอดตา

เตตระไฮโดรโซลีน ไฮโดรคลอไรด์ (Tetrahydrozoline Hydrochloride) เป็นส่วนประกอบหนึ่งในยาหยอดตาที่ช่วยลดอาการแดงในตา โดยคุณสามารถหยดยาหยอดตาเล็กน้อยลงบนสำลี แล้วใช้ทาไปบนสิว นอกจากนี้คุณยังสามารถแข็งแข็งลำสีที่หยดยาหยอดตาไว้ข้ามคืน ก่อนนำมาทาลงบนสิว ซึ่งยาหยอดตาจะช่วยลดรอยแดง และอุณหภูมิที่เย็นจะช่วยลดการระคายเคือง แต่ควรจะใช้กับบริเวณที่เป็นปัญหาเท่านั้น หากใช้บริเวณอื่นอาจทำให้เกิดผลที่ไม่พึงประสงค์ได้

ยาหยอดตา

8.แอสไพริน (Aspirin)

แอสไพรินเป็นยาที่ใช้ลดอาการบวมและแดงได้ดี แอสไพรินมี Salicylic acid ที่ใช้บรรเทาอาการอักเสบและอาการปวด โดยแอสไพรินจะช่วยลดการบวม และทำให้สิวแห้งไวขึ้น การใช้งานเพียงแค่บดยาแอสไพรินชนิดเม็ดให้เป็นผง แล้วหยุดน้ำที่ละน้อยจนเริ่มละลาย ใช้สำลีชุบทาลงบนสิว ทิ้งให้แห้ง แล้วพักไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง

แอสไพริน-(Aspirin)

การดูแลผิวในแต่ละวัน

นอกเหนือจากการรักษาระยะสั้นเพื่อลดรอยสิวนั้น คุณยังจำเป็นต้องดูแลผิวหน้าของคุณในทุก ๆ วัน เพื่อไม่ให้สิวเกิดขึ้นมา โดยคุณสามารถทำได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1.ล้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ

เมื่อทำความสะอาดบริเวณที่มีปัญหา คุณต้องแน่ใจว่าคุณใช้น้ำอุ่นในการทำความสะอาด และอย่าลืมว่าต้องทำความสะอาดอย่างนุ่มนวล ปัจจุบันได้มีสบู่ที่ออกแบบมาให้อ่อนโยนต่อผิว ช่วยให้ชจัดสิ่งสกปรกออกไปได้โดยที่ไม่ทำให้ผิวระคายเคืองหรือแห้ง รวมไปถึงการตรวจสอบให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ใช้มีส่วนผสมของ Salicylic acid ที่จะช่วยกำจัดและป้องกันการเกิดสิว

ล้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ

2.ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น

ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นจะช่วยให้ผิวหน้าของคุณไม่เกิดการระคายเคือง การใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นเป็นประจำจะช่วยให้ผิวแข็งแรงและกระชับ ซึ่งจะให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีสารเจือปน และใช้หลังล้างหน้าเสร็จ

ใช้ผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้น

3.เช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด

ต้องแน่ใจว่าคุณได้ทำการทำความสะอาดเครื่องสำอางจนไม่เหลืออุดตันรูขุมขนแล้ว เพราะรูขุมขนที่อุดตันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว

เช็ดเครื่องสำอางให้สะอาด

4.อย่าสัมผัสสิว

หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า บีบหรือแกะสิว เพราะเมื่อคุณบีบสิว อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายไปทั่วใบหน้า รวมไปถึงมือของคนเรานั้นมีไขมัน และสิ่งสกปรก การสัมผัสใบหน้าอาจทำให้เกิดสิวได้ โดยเฉพาะกับคนที่มีผิวแพ้ง่าย

อย่าสัมผัสสิว

Facebook Comments

ทิ้งข้อความไว้