1. รับวิตามิน D ในปริมาณที่เพียงพอ
ถ้าคุณอยากลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ให้คุณใช้เวลาอยู่กลางแดดในเวลาที่พอเหมาะหรือเลือกทานวิตามิน D3 ในปริมาณที่เหมาะสม โดยวิตามิน D จะช่วยป้องกันพยาธิและโรคต่างๆรวมถึงโรคมะเร็ง แต่ระวังแสงแดงที่แรงจนเกินไป เพราะถ้าผิวเปลี่ยนเป็นสีชมพูมากๆแล้วนั่นหมายถึงร่างกายจะไม่ผลิตวิตามิน D เพิ่มอีก และการเปิดรับแสงหลังจากนั้นอาจทำให้ผิวเสียและเป็นอันตรายได้
การรับวิตามิน D จากแสงแดดถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่การทานวิตามิน D เป็นอาหารเสริมก็เป็นสิ่งที่ช่วยได้เหมือนกัน
2.หลีกเลี่ยงการทานโปรตีนมากเกินไป
ปัจจุบันคนเรากินโปรตีนมากเกินไป ซึ่งถ้าคุณไม่ใช่นักกีฬาหรือคนท้อง ให้คุณลองลดโปรตีนลงสัก 1 กรัม เพราะหลายคนถูกสอนมาว่าโปรตีนมีประโยชน์ต่อร่างกายมากแค่ไหน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าถ้าทานเยอะไปจะมีผลเสียแค่ไหน
การลดโปรตีนให้อยู่ปริมาณ 35-75 กรัมสำหรับคนทั่วไปถือว่าเป็นปริมาณเหมาะสม ส่วนคนท้องหรือคนที่ออกกำลังกายหนักๆจะต้องการโปรตีนเพิ่ม 25% จากปริมาณปกติ โดยอาจทดแทนโปรตีนนั้นด้วยไขมันดี เช่น อโวคาโด เนย น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ถั่ว และไข่
3.ทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า
ถั่วงอกคือสุดยอดอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ปลูกง่าย และมีประโยชน์มากมาย
- ถั่วงอกมีเอนไซม์มากกว่า 100 เท่า เมื่อเทียบกับผลไม้และผักชนิดอื่น ซึ่งมีผลช่วยให้ร่างกายสกัดวิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน และไขมันที่สำคัญจากอาหารที่ทานเข้าไป
- เมล็ดทานตะวัน และถั่วงอกมีคุณค่าทางสารอาหารมากกว่าผักออร์แกนิคถึง 30 เท่า
- แม้ว่าราคาถั่วงอกตามท้องตลาดจะสูง แต่ถั่วงอกเป็นพืชที่ปลูกและโตได้ง่ายแม้กระทั่งในครัวของคุณเอง
4.ลดสารพิษในเครื่องทำความสะอาด
จากการวิจัยพบว่าโรคมะเร็งเต้านมมีความเสี่ยงเพิ่มเป็น 2 เท่าสำหรับผู้หญิงที่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบ้าน หรือสเปรย์ปรับอากาศเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ค่อยใช้ นอกจากนั้นยังมีสารเคมีอื่นๆที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น ไตรโคลซาน สไตรีน ฟอร์มาลดีไฮด์ และตัวทำละลายปิโตรเลียม น่าเสียดายที่ทุกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดประกอบไปด้วยสารอันตรายทั้งนั้น แต่ถ้าอยากให้บ้านสะอาดปลอดสารพิษ เรามีวิธีทำความสะอาดที่ง่ายและได้ผลมาแนะนำ
- ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ลลงในท่อระบายน้ำและอ่างอาบน้ำ หรือผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำมันลาเวนเดอร์เพื่อใช้ในการขัดห้องน้ำและห้องครัว
- ลองนำน้ำส้มสายชูที่สามารถใช้ในการทำความสะอาดได้เกือบทุกอย่างในบ้าน ผสมกับสบู่เหลว น้ำมันและน้ำ แล้วทำความสะอาดพื้น หน้าต่าง ห้องน้ำ และห้องครั้ว นอกจากนี้ยังนำมาใช้เป็นน้ำยาปรับผ้านุ่มได้อีกด้วย
- ใช้วอดก้าแทนไฮเตอร์หรือสารฟอกผ้าขาวเพื่อลบรอยไวน์แดงและอื่นๆเพียงแค่สเปรย์ลงบนผ้า
5.ใช้ผลิตภัณฑ์ความงามที่มาจากธรรมชาติ
การใช้สารเคมีบนผิวนั้นแย่กว่าการบริโภค เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินเข้าไป มันจะยังไม่เข้าไปในกระแสเลือด แม้จะอันตรายเหมือนกันแต่การใช้สารเคมีบนผิวทำให้สารเคมีนั้นตรงเข้าสู่กระแสเลือดและระบบน้ำเหลือง รวมถึงการเข้าไปยังอวัยวะต่างๆของร่างกายในที่สุด
มีสารเคมีหลายพันชนิดในผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม แต่มีแค่ไม่กี่ตัวที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัย และจากการวิจัยของสถาบันความปลอดภัยและอนามัยของอเมริกาพบว่าเกือบ 900 สารเคมีในเครื่องสำอางเป็นอันตรายต่อร่างกาย ดังนั้นเราวิธีธรรมชาติและปลอดภัยมาแนะนำ
- น้ำมันมะพร้าวทำให้ผิวหน้าและผิวตัวชุ่มชื่นขึ้น
- น้ำมันออริกาโน่ช่วยลดสิวและรอยต่างๆบนหน้า
- สบู่และน้ำเปล่าก็ช่วยทำความสะอาดบ้านและดับกลิ่นได้ หรือถ้าไม่พอก็ใส่เบกกิ้งโซดาเพิ่มลงในน้ำ จะช่วยให้ดับกลิ่นได้ทั้งวัน
6.เลิกใช้อุปกรณ์ที่เคลือบสารเทฟล่อน
ปัจจุบันมีมากกว่า 70% ของอุปกรณ์ในครัวที่เคลือบสาร PFAO (Perfluoroctanoic acid) หรือสารเทฟล่อนเพื่อไม่ให้อาหารติดกระทะ แต่เมื่อไหร่ที่สารตัวเคลือบเริ่มละลายออกจากกะทะ มันจะเริ่มเข้าสู่กระแสเลือดและอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากนั้นยังมีสารอื่นๆที่อันตรายไม่แพ้กัน เช่น ป๊อปคอร์นจากไมโครเวฟ สินค้าที่เป็นฉนวนการจุดไฟฟ้า และอื่นๆอีกมากมาย
7.ดื่มน้ำสะอาด
ถ้าคุณดื่มแต่น้ำที่มีคลอรีน หรือสารตกค้างจากการฆ่าเชื้อโรคที่มีพิษมากกว่าคลอรีนถึง 1,000 เท่า คุณอาจกำลังตกอยู่ในอันตราย เพราะจากการศึกษาพบว่า สารตกค้างจากการฆ่าเชื้อโรคทำให้เกิดโรคมะเร็งได้
วิธีแก้คือใส่ผลไม้เช่นส้มลงในน้ำเปล่า 1 แกลลอน จะช่วยถอนพิษของคลอรีนได้ภายใน 30 นาที หรือใส่วิตามินซี 1,000 มิลลิกรัมลงในอ่างอาบน้ำแล้วแช่สักพักจะช่วยถอนพิษของคลอรีนได้เหมือนกัน
8.เลือกทานอาหารปลอดสารพิษ
เป็นที่รู้กันว่าผักผลไม้แบบไม่ออร์แกนิคในปัจจุบันมีสารเคมีตกค้างจำนวนมากเช่นเดียวกับสารเคมีที่ฉีดในสัตว์ โดยสารอันตรายนั้นเข้าไปอยู่ในเนื้อและไขมันตลอดชีวิตของสัตว์ และเมื่อเราทานเข้าไปก็จะได้รับสารกำจัดศัตรูพืชนั้นด้วย
การเลือกทานอาหารปลอดสารพิษเป็นสิ่งที่สำคัญ และทานอาหารดองอาจจะช่วยได้ เพราะสารในอาหารดองบางชนิดช่วยขับสารพิษจากยาฆ่าแมลง เช่น กิมจิ ซึ่งจากงานวิจัยพบว่าระหว่างการหมักกิมจิ สารพิษในผักจะเริ่มหายไปในวันที่ 3 และจะหายไปทั้งหมดภายในวันที่ 9 จากกรดแลคติกในกิมจิที่ถูกผลิตขึ้นมาจากแบคทีเรียทั้ง 4 ชนิด
9.หยุดทานอาหารกระป๋อง
หลีกเลี่ยงอาหารกระป๋องเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงสาร BPA หรือบิสฟีนอล เอ ที่อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้
โดยนอกจากสาร BPA จะพบได้ในกล่องพลาสติกแล้ว ยังสามารถพบได้ในกล่องบรรจุอาหารและเยื่อบุด้านในของกระป๋องอีกด้วย จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า อาหารและน้ำจากกระป๋องมีสาร BPA มากกว่าสาร BPA จากพลาสติก และนี่คือวิธีลดสาร BPA ในบ้าน
- ใช้ขวดแก้วหรือจานแก้วสำหรับเด็ก
- ใช้แก้วหรือสแตนเลสใส่กาแฟและของร้อน
- หลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกคลุมโดยเฉพาะเวลาเข้าไมโครเวฟ
10.ลดการใช้ไมโครเวฟ
การอุ่นอาหารในไมโครเวฟด้วยพลาสติกทำให้สารเคมีเข้าไปในอาหารและเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ยิ่งไปกว่านั้นมีการทดสอบจากนักวิทยาศาสตร์ว่าผลกระทบจากความร้อนของไมโครเวฟจะไปทำลายเซลล์และโมเลกุลในร่างกาย ทางที่ดีในการหลีกเลี่ยงการใช้ไมโครเวฟคือ
- วางแผนล่วงหน้า นำอาหารออกมาจากตู้เย็นก่อนจะเริ่มทำอาหารสักพักโดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ให้น้ำแข็งละลายจะได้ไม่ต้องใช้ไมโครเวฟ
- ใช้เตาอบหรือเครื่องปิ้งขนมปังแทน
- พยายามทานอาหารปรุงสุกเพื่อสุขภาพในระยะยาว
