ท้องเสียมีสาเหตุการเกิดมาจากอะไร และมีวิธีรักษาอย่างไร

ท้องเสียมีสาเหตุการเกิดมาจากอะไร-และมีวิธีรักษาอย่างไร-feat

เมื่อคุณมีอาการท้องเสีย การเคลื่อนตัวของลำไส้จะอ่อนตัว อุจจาระมีลักษณะเป็นน้ำ นี่คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเมื่อท้องเสีย ซึ่งมักจะเป็นอาการที่ไม่รุนแรง

หลายคนจะมีอาการท้องเสียปีละ 1 หรือ 2 ครั้ง ซึ่งปกติแล้วจะมีอาการ 2-3 วัน และสามารถหาซื้อยาตามร้านขายยาทั่วไปเพื่อรักษาอาการให้หายได้ แต่บางคนเป็นบ่อยกว่านั้นจากอาการลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome ; IBS) หรือจากภาวะอื่น ๆ

อาการท้องเสีย

อาการท้องเสีย

อาการที่อาจพบ

– ท้องอืด ท้องเฟ้อ

– ตะคริว

– อุจจาระเป็นก้อนเล็ก ๆ หรือร่วน

– ถ่ายเหลว อุจจาระเป็นน้ำ

– รู้สึกต้องถ่ายทันทีที่มีการเคลื่อนไหวของลำไส้

– คลื่นไส้ และอาเจียน

อาการที่บ่งบอกว่ามีความรุนแรง

– มีเมือกเลือดผสมในอุจจาระ

– น้ำหนักลดลง

– มีไข้

ถ้าคุณมีอาการถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวัน และไม่ได้ดื่มน้ำให้มากเพียงพอ อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ ซึ่งสามารถก่อให้เกิดภาวะที่มีความรุนแรงได้หากไม่ได้ทำการรักษา

อาการที่บ่งบอกว่ามีความรุนแรง

สาเหตุของอาการท้องเสีย

อาการท้องเสียส่วนมากจะเกิดขึ้นจากการติดเชื้อไวรัสในลำไส้ บางคนเรียกว่า ไวรัสลงกระเพาะ (Intestinal Ful) หรือท้องเดินจากไวรัส (Stomuch Ful)

อาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

– ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

– แพ้อาหารบางประเภท

– เบาหวาน

– โรคเกี่ยวกับลำไส้

– บริโภคอาหารที่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร

– ติดเชื้อแบคทีเรีย

– บริโภคยาระบาย

– ยาบางชนิด

– ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)

– การฉายรังสีรักษาโรค

– การวิ่ง (ยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้)

– มะเร็งบางชนิด

– การผ่าตัดที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร

– ร่างกายมีปัญหาเกี่ยวกับการดูดซึมสารอาหาร เรียกว่า Malabsorption

อาการท้องเสียอาจมีอาการท้องผูกตามมาก โดยเฉพาะคนที่มีอาการลำไส้แปรปรวน

อาการอื่น-ๆ-ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อไหร่ที่ควรเข้าพบแพทย์

เข้าพบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้

– มีเลือดปนออกมากับอาการท้องเสีย หรืออุจจาระมีสีดำ

– มีไข้ขึ้นสูง หรือมีไข้ต่อเนื่องนานกว่า 24 ชั่วโมง

– มีอาการท้องเสียต่อเนื่องมากกว่า 2 วัน

– คลื่นไส้ หรือการขย่อนของเหลวที่บริโภคเข้าไป

– เจ็บบริเวณช่องท้อง หรือทวารหนัก

– มีอาการท้องเสียหลังจากไปต่างประเทศ

เข้าพบแพทย์เมื่อร่างกายมีสัญญาณของภาวะขาดน้ำ

– ปัสสาวะมีสีเข้ม

– ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ

– อัตราการเต้นของหัวใจเร็วกว่าปกติ

– ปวดหัว

– ผิวแห้ง

– รู้สึกระคายเคือง

– รู้สึกมึนงง

เมื่อไหร่ที่ควรเข้าพบแพทย์

การรักษา

ถ้าในกรณีที่ไม่รุนแรง อาจจะไม่ต้องใช้การรักษาอะไร หรือสามารถบริโภคยาที่หาซื้อได้จากร้านขายยาทั่วไป โดยไม่ต้องผ่านคำสั่งของแพทย์ก็ได้

ที่สำคัญคือ คุณต้องรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ภายใน 1 วัน ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 8 แก้ว โดยอาจจะเลือกเป็นน้ำผลไม้ที่ไม่มีเนื้อ มีมีการแต่งกลิ่น หรือโซดาผสม หรืออาจจะเป็นไก่ปั่น ชาน้ำผึ้ง หรือเครื่องดื่มเกลือแร่ก็ได้ รวมไปถึงใช้การดื่มน้ำระหว่างมื้ออาหารแทนการดื่มพร้อมมื้ออาหาร โดยให้ดื่มแบบค่อย ๆ จิบทีละน้อย และจิบบ่อย ๆ

ทำอย่างไรถึงจะรู้สึกดีขึ้นจากอาการท้องเสีย

คุณอาจจะมีการการเจ็บลำไส้จากการเคลื่อนตัวของลำไส้ขณะท้องเสีย และอาจมีอาการคัน แสบ หรือปวดเมื่อถ่าย

สิ่งที่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ คือการแช่ในน้ำอุ่น แล้วทำความสะอาดบริเวณที่แห้งด้วยผ้าสะอาด คุณอาจจะต้องใช้ครีม Hemorrhoid หรือ White Petroleum Jelly ทาบริเวณที่เจ็บเพื่อช่วยบรรเทา

การรักษา

Facebook Comments

ทิ้งข้อความไว้