Site icon สังคมเพื่อสุขภาพของคนไทย – Somanao

16 วิธีแก้อาการปวดไมเกรนที่มีประสิทธิภาพสูง

16-วิธีแก้อาการปวดไมเกรนที่มีประสิทธิภาพสูง---feat

สาเหตุของการปวดหัวไมเกรน และการรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ

ไมเกรนคืออะไร

ผู้ที่เป็นไมเกรนจะมีอาการปวดหัวข้างเดียวบ่อยๆ พร้อมกับมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และรู้สึกอ่อนไหวง่ายต่อแสงและเสียง ไมเกรนนั้นจะมีระดับที่เรียกว่าออร่า (Aura) คือการมองเห็นสิ่งที่มารบกวนสายตา เช่น เห็นแสงแลบ เกิดจุดเมื่อมองวัตถุ หรือวงสีรอบวัตถุ

ไมเกรนเกิดจากอะไร

ไมเกรนเกิดจากความผิดปกติของระบบประสาท และการที่เส้นเลือดในสมองเกิดการเปลี่ยนแปลง Susan Broner แพทย์ผู้อำนวยการของ Manhattan Headache Center ในนิวยอร์กกล่าว่า “ผู้มีความผิดปกติทางพันธุกรรม สมองในส่วนของการรับรู้ความเจ็บปวดจะมีการเปิดรับการกระตุ้นที่ลดลง ทำให้เป็นผู้ที่ไวต่อการรับรู้ถึงสิ่งที่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวด สิ่งเหล่านี้จะเข้าไปปิดคลื่นการทำงานของเซลล์ประสาทและสารสื่อประสาททำให้เส้นเลือดในสมองเกิดการอักเสบ และส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บภายในสมอง”

วิธีการรักษาอาการปวดหัวไมเกรนทางพฤติกรรม

1. จัดการกับสิ่งที่มากระตุ้น

ถ้าคุณมีแนวโน้มที่จะเป็นไมเกรน สิ่งเร้าบางอย่างอาจเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้อาการปวดหัวไมเกรนเกิดขึ้นมาได้ ดังนั้นให้คุณจดบันทึกลงบนปฏิทินว่าคุณมีอาการปวดหัวในวันไหน แล้วสังเกตว่าคุณได้ทำอะไรที่อาจจะส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวได้หรือเปล่า

2. ฮอร์โมนเอสโตรเจน

Andrew Michael Blumenfeld ผู้อำนวยการของ Headache Center of Southern California ให้ข้อมูลว่า “ในช่วงก่อนที่ประจำเดือนจะมา ผู้หญิงจะมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้” ซึ่งการบริโภคยาคุมกำเนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนอ่อนๆอาจช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้

3. การดื่มแอลกอฮอล์

ถ้าหากคุณมีอาการ “เมาค้าง” หลังจากออกไปดื่มมา คุณอาจจะกำลังเผชิญกับการปวดไมเกรน โดยเมื่อหยุดกินแอลกอฮอล์คุณจะพบกับอาการปวดหัวที่กินเวลาถึง 8 ชั่วโมง Dr. Blumenfeld กล่าว่า “ข่าวดีก็คือ สาเหตุนี้มีแนวโน้มที่ข้อพิเศษอยู่มาก เช่น คนที่ดื่มวอดก้าจะมีอาการที่ดีกว่าคนที่ดื่มเบียร์”

4. การอดอาหาร

การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดอาจทำให้มีอาการปวดไม่เกรนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นอย่าอดอาหารเกิน 3 ชั่วโมง รวมถึงการบริโภคโปรตีนไขมันต่ำจะช่วยในการรักษาระดับของน้ำตาลให้คงที่

5. คาเฟอีน

การที่คุณบริโภคคาเฟอีนในปริมาณที่มากเป็นประจำเพื่อที่จะหยุดอาการปวดหัว ความจริงแล้วมันเป็นการกระตุ้นไปยังศูนย์ไมเกรนในสมอง และส่งผลให้กลายเป็นโรคไมเกรนไปในที่สุด ปริมาณของคาเฟอีนที่สามารถบริโภคได้ในแต่ละวันนั้นจะต้องไม่เกิน 200 มิลลิกรัม หรือกาแฟขนาด 8 ออนซ์ 1 แก้ว

6. การนอน

จากการศึกษาในปีค.ศ. 2010 พบว่าการนอนหลับไม่เป็นเวลาเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโปรตีนที่มีผลต่อการเกิดไมเกรน ดังนั้นในทางที่ดีก็ควรที่จะจัดการเรื่องเวลาเข้านอนและเวลาตื่นนอนของตัวเองไว้ให้เหมาะสม

การรักษาอาการปวดหัวไมเกรนด้วยวิธีทางธรรมชาติ

1. น้ำแข็ง

Carolyn Bernstein ผู้อำนวยการคลินิกของ Harvard Medical Faculty Physicians Comprehensive Headache Center ที่ Beth Israel Deaconess Medical Center กล่าวว่า “น้ำแข็ง สามารถต้านการอักเสบได้” โดยการหยุดอาการปวดไมเกรนนั้น ควรที่จะใช้ความเย็นมากกว่าการใช้ความร้อน

2. อาหารเสริม

จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยที่บริโภคไรโบฟลาวิน (Riboflavin) หรือก็คือวิตามินบี 2 ทุกวัน วันละ 400 มิลลิกรัม เมื่อผ่านไป 3 เดือน ผู้ป่วยมีอาการปวดไมเกรนน้อยลง และจากการศึกษาทางคลินิกได้ข้อยืนยันว่า อาหารเสริมประเภทโคเอ็นไซม์คิวเท็น (CoQ10) มีประสิทธิภาพที่จะป้องกันการเกิดอาหารปวดหัวไมเกรนได้

3. ผ่อนคลาย

การนวดสามารถบรรเทาการเป็นตะคริวของคอและหัวไหล่ได้ ขณะที่การทำไทชิ (Tai chi) เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสามารถรับรู้และรักษาอาการปวดหัวได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเล่นโยคะ (Yoga) ซึ่งเป็นการเน้นไปยังการทำให้มีสติ เช่น หะธะโยคะ (Hatha Yoga) ที่เป็นโยคะแบบพื้นฐาน และโยคะเพื่อการฟื้นฟู (Restorative yoga) ก็อาจจะรักษาอาการช่วยได้

4. สมุนไพร

ข้อแนะนำใหม่จากสถาบันด้านประสาทวิทยาของประเทศอเมริกา (American Academy of Neurology) ได้ให้การยืนยันว่าสมุนไพรบัตเตอร์เบอร์ (Butterbur) สามารถป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนได้ โดยจะช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือดในสมอง และเม็ดยาสมุนไพรอาจมีส่วนช่วยลดความถี่ในการเกิดอาการปวดหัวไมเกรนได้ แต่อย่างไรก็ตาม ข้อสรุปนี้ยังไม่ได้ออกมาเป็นที่ชัดเจน

5. การฝังเข็ม

จากการศึกษาพบว่าการฝังเข็มมีส่วนช่วยในระยะยาวเช่นเดียวกับการกินยา แต่ไม่มีผลข้างเคียงที่ตามมา ขณะที่ประสิทธิภาพที่ได้อาจจะเกิดจาก Placebo effect หรือปรากฏการยาหลอก คือการที่ผู้ป่วยมีมโนภาพเหมือนกับว่าได้รับยา หรือการรักษาเข้าไปแล้วจริงๆ

การรักษาอาการปวดหัวไมเกรนด้วยวิธีทางการแพทย์

1. ทริปแทน (Triptan)

เป็นกลุ่มยาที่ถูกใช้ในปีค.ศ. 1991 เช่น Axert, Relpax, and Imitrex เป็นต้น ซึ่งเป็นยาที่ใช้ระงับเกิดเกิดไมเกรนในทุกๆสาเหตุ แต่บางครั้งก็อาจเกิดอาการปวดหัวกลับขึ้นมาใหม่ได้

2. Beta-blockers/Anti-hypertensive

เป็นตัวยาที่ใช้เพื่อรักษาโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ Propranolol, Metoprolol และ Timolol ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้ในการป้องกันอาการปวดหัวไมเกรนได้ เนื่องจากยามีผลต่อหลอดเลือดโดยตรง แต่ตัวยาจะมีผลข้างเคียงเล็กน้อย คืออาจส่งผลให้เกิดอันตรายจากอัตราการเต้นของหัวใจที่ลดลง

3. ยาต้านชัก (Antiseizure Medications)

สำหรับผู้ป่วยโรคไมเกรนบางคน แพทย์จะทำการสั่งยาระงับอาการชักเพื่อที่จะลดความถี่ในการเกิดไมเกรน ซึ่งวิธีนี้สามารถลดอาการได้ถึง 50% เนื่องจากยาจะเข้าไปยับยั้งการทำงานของสารสื่อประสาทบางตัว แต่ยาจะให้ผลข้างเคียงต่อผู้ใช้ด้วย เช่น อาการมึนงง และอาการง่วงนอน

4. ยารักษาอาการซึมเศร้า (Anti-depressants)

Tricyclics และ SSRIs เป็นยาที่มีผลในการรักษาอาการปวดหัวไมเกรน โดยนักวิจัยกล่าวว่า “ที่ตัวยาสามารถรักษาไมเกรนได้นั้นเป็นเพราะอาการปวดไมเกรนบางแบบมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระดับฮอร์โมนเซโรโทนิน (Serotonin) ในร่างกาย ซึ่งตัวยาจะเข้าไปทำการปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย” แต่ถ้าหากว่าคุณไม่ได้ต้องการที่จะรักษาโรคซึมเศร้า แพทย์ก็มักจะไม่แนะนำให้ใช้ยาตัวนี้

5.โบท็อกซ์ (Botox)

โบท็อกซ์ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาในปีค.ศ. 2010 ว่าสามารถใช้รักษาอาการปวดหัวไมเกรนเรื้อรังได้ โดยจะต้องทำการฉีดทั้งหมด 31 เข็ม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 12 สัปดาห์ ส่วนการเกิดผลข้างเคียงนั้นก็เกิดขึ้นได้ยาก

Facebook Comments